คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2628/2529

แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

นางส. อนุญาตให้จำเลยพาเด็กหญิงศ. อายุ12ปีซึ่งเป็นบุตรออกไปจากบ้านเพื่อให้เด็กหญิงศ. นำจำเลยไปพบกับบิดาณที่ทำงานการที่จำเลยพาเด็กหญิงศ. เข้าไปในโรงแรมจึงเป็นเรื่องที่จำเลยทำไปเองตามลำพังจะถือว่านางส. รู้เห็นยินยอมไม่ได้เมื่อไปถึงจำเลยลงจากรถเข้าไปในห้องทันทีและกวักมือเรียกให้เด็กหญิงศ. ตามเข้าไปในห้องนั้นด้วยแต่เด็กหญิงศ. ไม่ยอมเข้าไปแสดงว่าจำเลยมีเจตนาจะหลับนอนกับเด็กหญิงศ. เพื่อร่วมประเวณีหรือกระทำมิดีมิร้ายอย่างอื่นจึงเป็นการพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารตามป.อ.มาตรา317.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยพรากเด็กหญิงศิริพร บุรีวงษ์ อายุยังไม่เกิน13 ปี ไปเสียจากนางสุบิน ไชยราช หรือบุรีวงษ์ มารดาเพื่อการอนาจารขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 317
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 317 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 5)พ.ศ. 2525 มาตรา 9 จำคุก 6 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนกลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ตามวันเวลาเกิดเหตุจำเลยได้ไปที่บ้านนางสุบิน และบอกว่ามีธุระจะพูดคุยกับสามีนางสุบินซึ่งขณะนั้นยังไม่กลับจากที่ทำงาน แล้วจำเลยขอให้เด็กหญิงศิริพร อายุ 12 ปีพาไปที่บ้านของสามีนางสุบิน ซึ่งนางสุบินผู้เป็นมารดาก็อนุญาตจากนั้นเด็กหญิงศิริพรก็ออกจากบ้านไปกับจำเลยโดยจำเลยให้เด็กหญิงศิริพรขึ้นนั่งรถสามล้อเครื่องยี่ห้อซูบารุไปด้วยกัน และต่อมาจำเลยได้พาเด็กหญิงศิริพรเข้าไปในโรงแรมปี๊ปอินน์ซึ่งพนักงานโรงแรมพบเห็นและช่วยเหลือพาเด็กหญิงศิริพรกลับไปส่งที่บ้านนางสุบินในตอนเย็นวันนั้นเอง ปัญหาในข้อที่ว่า จำเลยได้กระทำผิดพรากผู้เยาว์ตามฟ้องหรือไม่นั้น หรือว่าแม้ในตอนแรกนางสุบินผู้เป็นมารดาจะยินยอมอนุญาตให้จำเลยพาเด็กหญิงศิริพรออกไปจากบ้าน แต่ก็อนุญาตให้จำเลยพาเด็กหญิงศิริพรนำไปพบสามีนางสุบินซึ่งทำงานก่อสร้างอยู่ที่แฮปปี้แลนด์เท่านั้น และยังได้กำชับไม่ให้ไปนานอีกด้วยการที่จำเลยพาเด็กหญิงศิริพรเข้าไปในโรงแรมปี๊ปอินน์ก่อนหรือในตอนหลัง จึงเป็นเรื่องทำไปเองตามลำพังและจะถือว่า นางสุบินรู้เห็นยินยอมไม่ได้ ที่จำเลยอ้างว่าตั้งใจจะไปรออยู่ในห้องโรงแรม และให้เด็กหญิงศิริพรมาตามสามีนางสุบินไปพบ ก็ไม่สมเหตุผลและเชื่อไม่ได้เพราะนายไพบูลย์ อภิชาติพนักงานโรงแรมมาเบิกความเป็นพยานโจทก์ว่าโรงแรมปี๊ปอินน์เป็นโรงแรมม่านรูด มีม่านปิดกั้นไว้ทุกห้องซึ่งรู้กันอยู่ทั่วไปว่าจัดไว้เพื่อบริการให้ชายพาหญิงไปหลับนอนชั่วคราว ยิ่งกว่านั้นข้อเท็จจริงยังได้ความจากคำของเด็กหญิงศิริพรและนายไพบูลย์ตรงกันว่า เมื่อไปถึงจำเลยลงจากรถก็เข้าไปในห้องหมายเลข 11 ทันที และได้กวักมือเรียกเด็กหญิงศิริพรให้ตามเข้าไปในห้องด้วย แสดงว่าจำเลยมีเจตนาจะหลับนอนกับเด็กหญิงศิริพรเพื่อร่วมประเวณีหรือกระทำมิดีมิร้ายอย่างอื่น เพียงแต่ไม่เป็นผลสำเร็จเพราะเด็กหญิงศิริพรไม่ยอมเข้าห้องและมีพนักงานโรงแรมมาพบเห็น ช่วยเหลือพาเด็กหญิงศิริพรกลับไปส่งบ้านเสียก่อนเท่านั้นการกระทำของจำเลยเข้าลักษณะเป็นการพรากผู้เยาว์อายุไม่เกิน 13 ปีไปเพื่อการอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 317 แล้ว ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีลงโทษจำคุกตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น”.

Share