คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2351/2529

แหล่งที่มา : ADMIN

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่าเดิมที่พิพาทเป็นของป.บิดาโจทก์ซึ่งให้จำเลยเข้าอยู่อาศัยต่อมาป.ถึงแก่กรรมที่พิพาทตกเป็นของโจทก์โจทก์ได้อนุญาตให้จำเลยอาศัยอยู่ต่อมาต่อมาโจทก์จะขายที่พิพาทจึงไม่อนุญาตให้จำเลยอาศัยอยู่ต่อไปจำเลยไม่ยอมออกฟ้องโจทก์จึงแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาไม่เคลือบคลุม. คดีเดิมโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยให้ออกจากที่พิพาทและที่ดินอีกแปลงหนึ่งศาลสั่งให้โจทก์แยกฟ้องสำหรับที่พิพาทเป็นคดีใหม่โจทก์จึงได้ฟ้องเป็นคดีใหม่ตามคำสั่งศาลจึงไม่เป็นฟ้องซ้อน. จำเลยเช่าที่พิพาทจากโจทก์จึงเป็นเพียงผู้ยึดถือครอบครองที่พิพาทแทนโจทก์หามีสิทธิครอบครองในที่พิพาทไม่ที่จำเลยไปยื่นคำร้องขอรังวัดออกโฉนดที่พิพาทโจทก์ได้โต้แย้งคัดค้านจำเลยก็ถอนคำร้องโดยไม่ได้ความว่าเพื่อให้โจทก์ไปฟ้องร้องต่อไปทั้งได้ความอีกว่าจำเลยได้ไปขอโทษโจทก์เกี่ยวกับเรื่องที่จำเลยไปขอรังวัดออกโฉนดจึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้แสดงเจตนาต่อโจทก์ที่จะครอบครองที่พิพาทเพื่อตนเองต่อไปโจทก์จึงไม่ต้องฟ้องเอาคืนซึ่งสิทธิการครอบครองภายในกำหนด1ปี.

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง ว่า โจทก์ เป็น ผู้รับ มรดก ที่ดิน มา จาก บิดา และ ได้อนุญาต ให้ จำเลย อยู่ อาศัย ใน ที่ดิน ดังกล่าว ต่อมา เมื่อ ต้นปีพ.ศ. 2523 โจทก์ จะ ขาย ที่ดิน จึง ไม่ อนุญาต ให้ จำเลย อยู่ อาศัยต่อไป จำเลย ทราบ ตาม หนังสือ บอกกล่าว แล้ว แต่ ไม่ ยอม รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง และ ขนย้าย ทรัพย์สิน พร้อม บริวาร ออก จาก ที่ดินเดิม คดี นี้ โจทก์ ฟ้อง รวม อยู่ ใน สำนวน คดีแพ่ง หมายเลข ดำ ที่322/2523 ของ ศาลจังหวัด สมุทรสาคร แต่ ศาล มี คำสั่ง ให้ แยก ฟ้องโจทก์ จึง ฟ้อง จำเลย เป็น คดี นี้ ขอ ให้ ขับไล่
จำเลย ให้การ ว่า ฟ้อง โจทก์ เคลือบคลุม จำเลย มิได้ อาศัย สิทธิ ของโจทก์ อยู่ ใน ที่ดิน แต่ บิดา โจทก์ ได้ ขาย ที่ดิน ดังกล่าว ให้ แก่จำเลย แล้ว จำเลย ได้ ครอบครอง ที่ พิพาท โดย ชอบ และ เปิดเผย ด้วยเจตนา เป็น เจ้าของ มา เป็น เวลา 20 ปี แล้ว จึง ได้ สิทธิ ครอบครองคดี โจทก์ ขาด อายุความ โจทก์ ฟ้อง คดี นี้ ระหว่าง ที่ คดีแพ่งหมายเลขดำ ที่ 322/2523 ยัง ไม่ ถึงที่สุด ฟ้อง โจทก์ จึง เป็น ฟ้องซ้อน ขอให้ ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิพากษา ให้ จำเลย รื้อถอน สิ่งปลูกสร้าง และ ขนย้ายทรัพย์สิน พร้อม บริวาร ออก ไป จาก ที่พิพาท
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษา ยืน
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า โจทก์ ได้ บรรยายฟ้อง ไว้ โดย ชัดแจ้ง ว่าเดิม ที่พิพาท เป็น ของ นาย ประชุม ชัยโตษะ บิดา โจทก์ ทั้ง สอง นายประชุม ได้ ให้ จำเลย เข้า อยู่ อาศัย ใน ที่พิพาท ต่อมา นาย ประชุมถึงแก่กรรม ที่พิพาท ตก เป็น ของ โจทก์ ทั้ง สอง โจทก์ ได้ อนุญาตให้ จำเลย อาศัย อยู่ ต่อมา เมื่อ ต้นปี พ.ศ. 2523 โจทก์ จะ ขายที่พิพาท ได้ บอกกล่าว ไม่ อนุญาต ให้ จำเลย อยู่ อาศัย ต่อไป จำเลยทราบ แล้ว ไม่ ยอม ออก จาก ที่พิพาท ฟ้อง โจทก์ จึง แสดง โดย แจ้งชัดซึ่ง สภาพ แห่ง ข้อหา และ ข้ออ้าง ที่ อาศัย เป็น หลัก แห่ง ข้อหาจำเลย ให้การ ต่อสู้ ว่า ไม่ เคย อาศัย ผู้ใด อยู่ ใน ที่พิพาท นายประชุม ขาย ที่พิพาท ให้ จำเลย แล้ว แสดงว่า จำเลย เข้าใจ ฟ้อง ของโจทก์ ได้ ดี ฟ้อง โจทก์ ไม่ เคลือบคลุม
ปัญหา ว่า ฟ้อง โจทก์ เป็น ฟ้อง ซ้อน กับ คดีแพ่ง หมายเลขดำ ที่322/2523 หรือไม่ เห็นว่า คดีแพ่ง หมายเลขดำ ที่ 322/2523 โจทก์ ทั้งสอง ฟ้อง ขับไล่ จำเลย ให้ ออก จาก ที่พิพาท ใน คดีนี้ และ ที่ดินโฉนด เลขที่ 3122 ศาล ได้ สั่ง ให้ โจทก์ แยกฟ้อง สำหรับ ที่พิพาทเป็น คดีใหม่ โจทก์ ทั้ง สอง จึง ได้ ฟ้อง เป็น คดีนี้ ตาม คำสั่ง ศาล จึง ไม่ เป็น ฟ้อง ซ้อน
ปัญหา ต่อไป ว่า โจทก์ หมดสิทธิ ฟ้อง เรียกคืน การ ครอบครอง แล้วหรือไม่ เมื่อ จำเลย เป็น ผู้เช่า ที่พิพาท จาก โจทก์ จำเลย จึง เป็นเพียง ผู้ ยึดถือ ครอบครอง ที่พิพาท แทน โจทก์ เท่านั้น หา มี สิทธิครอบครอง ใน ที่พิพาท ไม่ การ ที่ จำเลย ไป ยื่น คำร้อง ขอ รังวัดออก โฉนด ที่พิพาท โจทก์ ที่ 2 โต้แย้ง คัดค้าน จำเลย ก็ ถอน คำร้องดังกล่าว การ ขอ ถอน ก็ มิได้ ความ ว่า เพื่อ ให้ โจทก์ ที่ 2 ไปฟ้องร้อง ต่อไป กลับ ได้ ความ ว่า จำเลย ได้ ไป ขอโทษ โจทก์ ที่ 2เกี่ยวกับ เรื่อง ที่ จำเลย ไป ขอ รังวัด ออก โฉนด จึง ฟัง ไม่ ได้ ว่าจำเลย ได้ แสดง เจตนา ต่อ โจทก์ ที่ จะ ครอบครอง ที่พิพาท เพื่อ ตนเองต่อไป โจทก์ จึง ไม่ จำ ต้อง ฟ้อง เอา คืน ซึ่ง สิทธิ การ ครอบครองภายใน กำหนด 1 ปี
พิพากษา ยืน

Share