คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1193/2529

แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยบุกรุกที่เกิดเหตุในเวลาเดียวกับที่กระทำอนาจารโจทก์ที่1ถือว่าเป็นความผิดกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบทเมื่อปรากฏว่าข้อหากระทำอนาจารจำเลยถูกฟ้องและศาลพิพากษาถึงที่สุดไปแล้วสิทธินำคดีอาญามาฟ้องในข้อหาบุกรุกย่อมระงับไปตามป.วิ.อ.มาตรา39(4) จำเลยกระทำอนาจารโจทก์ที่1โดยใช้กำลังประทุษร้ายกอดรัดตัวและใช้กรรไกรจี้บังคับและแทงเฉี่ยวบริเวณหน้าอกของโจทก์ที่1ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเมื่อได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำเลยฐานกระทำอนาจารแล้วโจทก์จะฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่าซึ่งเป็นกรรมเดียวกันอีกไม่ได้ต้องห้ามตามป.วิ.อ.มาตรา39(4).

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานบุกรุกและพยายามฆ่าคนตายโดยเจตนาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 364, 365(2), 288, 1(4)(5), 59, 80, 91
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว สั่งว่าคดีมีมูลให้ประทับฟ้องของโจทก์ไว้ทุกข้อหา
จำเลยไม่ได้ให้การ ถือว่าจำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา288, 80 มีกำหนด 10 ปี ข้อหาอื่นให้ยก
โจทก์ทั้งสองและจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้ยกฟ้องในข้อหาฐานพยายามฆ่าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 ด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยบุกรุกที่เกิดเหตุในเวลาเดียวกับกระทำอนาจารโจทก์ที่ 1 การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบท ซึ่งข้อหากระทำอนาจารดังกล่าวจำเลยถูกฟ้อง ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุก 6 เดือน คดีถึงที่สุดไปแล้ว…สิทธินำคดีอาญามาฟ้องจำเลยในข้อหาบุกรุกอันเป็นกรรมเดียวกับข้อหากระทำอนาจารย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4)…”
สำหรับข้อหาฐานพยายามฆ่า ศาลฎีกาเห็นว่า “โจทก์บรรยายฟ้องคดีนี้ว่า จำเลยมีอาวุธปืนพกและกรรไกรติดตัวจี้บังคับโจทก์ที่ 1 และใช้กำลังกายกอดปล้ำจะกระทำชำเรา แต่โจทก์ที่ 1 ดิ้นรนต่อสู้ จำเลยสู้แรงโจทก์ที่ 1 ไม่ได้ จึงไม่สามารถกระทำชำเราโจทก์ที่ 1 สำเร็จเมื่อจำเลยไม่สามารถกระทำชำเราโจทก์ที่ 1 ได้ จำเลยจึงใช้กรรไกรที่ติดตัวมาเป็นอาวุธแทงโจทก์ที่ 1 อย่างแรงหลายครั้งที่บริเวณหน้าอกด้านขวาโดยเจตนาฆ่า ปรากฏว่าพนักงานอัยการจังหวัดลพบุรีเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยในคดีนี้ คดีอาญาหมายเลขแดงที่ 430/2526… จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลจังหวัดลพบุรีรับฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติว่าในวันเวลาเดียวกันกับเวลาที่เกิดเหตุคดีนี้ และสถานที่เกิดเหตุเดียวกันจำเลยกระทำอนาจารแก่นางสาวสำอางค์… (โจทก์ที่ 1 คดีนี้)โดยใช้กำลังประทุษร้ายกอดรัดตัวนางสาวสำอางค์ ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยทั้งนี้เพื่อให้นางสาวสำอางค์ยอมให้จำเลยกระทำชำเรา แต่นางสาวสำอางค์ไม่ยอมและดิ้นรนต่อสู้สะบัดหลุดหนีไปได้ ศาลจังหวัดลพบุรีพิพากษาลงโทษจำเลย ฐานกระทำอนาจาร… ตามคดีหมายเลขแดงที่ 430/2526ของศาลจังหวัดลพบุรี คดีถึงที่สุดแล้วข้อหาพยายามฆ่าโดยใช้กรรไกรแทงโจทก์ที่ 1 ในคดีนี้กับใช้กรรไกรแทงโจทก์ที่ 1 ซึ่งเป็นผู้เสียหายในคดีอาญาดังกล่าวจึงเป็นการกระทำครั้งคราวเดียวกันและเป็นกรรมเดียวกัน ซึ่งโจทก์จะต้องฟ้องเป็นคดีเดียว เมื่อโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานกระทำอนาจาร โดยใช้กำลังประทุษร้ายจนโจทก์ที่ 1บาดเจ็บ โดยศาลวินิจฉัยการกระทำที่ก่อให้เกิดความผิดนั้นและพิพากษาลงโทษจำเลย คดีถึงที่สุดแล้ว ตามคดีดังกล่าว โจทก์จะฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่าซึ่งเป็นกรรมเดียวกับคดีอาญาหมายเลขแดงที่430/2529 ของศาลจังหวัดลพบุรี ไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4)…
พิพากษายืน.”

Share