คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1073/2529

แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ใช้ทางพิพาทเดินผ่านเข้าออกจากบ้านของโจทก์ไปสู่ถนนสาธารณะตลอดมาโดยถือวิสาสะเช่นนี้แม้จะใช้ทางพิพาทนานเท่าใดก็ตามทางพิพาทก็ไม่อาจเป็นทางภารจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์แต่อย่างใด.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าทางพิพาทซึ่งยาวตลอดแนวที่ดินของจำเลยไปจดถนนสาธารณะเป็นทางเดินภาระจำยอม หใ้จำเลยจดทะเบียนทางเดินภาระจำยอมดังกล่าวกับโจทก์ต่อเจ้าพนักงานที่ดิน ให้จำเลยรื้อรั้วคอนกรีต และสังกะสีทั้งหมดส่วนที่ปิดกั้นทางเดินภารจำยอมดังกล่าว
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่เคยเดินผ่านที่ดินของจำเลย หากมีการเดินผ่านก็เป็นการเดินผ่านโดยใช้สิทธิของความเป็นพี่น้องกันเป็นการถือวิสาสะคุ้นเคยกันซึ่งไม่ผูกพันถึงบุคคลภายนอกที่จะต้องมารับภาระจำยอมแต่ประการใด ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “โจทก์ยอมรับว่าเดิมที่ดินโฉนดเลขที่356 เป็นของบิดามารดา ครั้นบิดามารดาของโจทก์ถึงแก่ความตายที่ดินโฉนดเลขที่ 356 ตกเป็นมรดกให้แก่นายมาลัยพี่ชายโจทก์โจทก์ได้อาศัยทางพิพาทเดินผ่านที่ดินโฉนดเลขที่ 356 ตลอดมาโดยถือวิสาสะเพราะความเป็นเครือญาติกัน ดังนี้แม้จะเดินนานเท่าใดก็หาได้สิทธิในภารจำยอมไม่ ครั้นในปี พ.ศ. 2513 นายมาลัยขายที่ดินโฉนดเลขที่ 356 ให้แก่นายสนอง นายสนองได้ทำรั้วล้อมที่ดินโฉนดเลขที่ 356 แต่เว้นทางพิพาทให้โจทก์เดินผ่านกว้างประมาณ 1.50 เมตรไปออกถนนบางแวกตามเดิม แต่ก็ได้ความจากคำเบิกความของโจทก์เองว่าโจทก์ก็ใช้ทางพิพาทด้วยการถือวิสาสะ จึงฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์ยังใช้ทางพิพาทโดยถือวิสาสะเช่นเดิมอีก ดังนี้จะถือว่าทางพิพาทเป็นภาระจำยอมแก่โจทก์หาได้ไม่ เพราะโจทก์ได้ใช้ทางพิพาทตลอดมาโดยถือวิสาสะ ต่อมานายสนองโอนขายที่ดินโฉนดเลขที่ 356 ให้จำเลยเมื่อ พ.ศ. 2521 และโจทก์ใช้ทางพิพาทต่อมาจนกระทั่งจำเลยปิดล้อมแม้โจทก์จะถือว่าโจทก์ใช้ทางพิพาทในช่วงนี้อย่างไม่ใช่การถือวิสาสะแต่ก็ยังไม่ถึงเวลา 10 ปี ทางพิพาทจึงยังไม่เป็นภาระจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์ ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์ชอบแล้วฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืนฯ”.

Share