คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 882-884/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

รายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีของพนักงานสอบสวนมีข้อความว่าโจทก์ทั้งสามพร้อมด้วยจำเลยไปแจ้งว่า เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2526 ส. ได้นำเงินจำนวนหนึ่งมาไว้กับจำเลยเพื่อที่ให้มาจ่ายแก่โจทก์ทั้งสาม จำเลยได้เก็บรักษาไว้แล้วและได้พากันมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งความไว้เป็นหลักฐานว่าในวันที่ 28 มีนาคม 2526 จำเลยจะมาจัดการเคลียเงินทั้งหมดให้แก่โจทก์ทั้งสามรายงานดังกล่าวไม่มีข้อความในทำนองว่ามีข้อตกลงเพื่อระงับข้อพิพาทที่มีอยู่แล้วหรือที่จะมีขึ้นภายหลัง ทั้งไม่ปรากฏมูลหนี้ใด ๆ ที่จำเลยจะต้องรับผิดต่อโจทก์ ข้อความในเอกสารดังกล่าวเป็นเรื่องจำเลยรับเงินไว้ในฐานะตัวแทนของ ส.เพื่อนำไปชำระให้โจทก์ การตกลงชำระเงินให้โจทก์ในวันใดก็เป็นการทำตามหน้าที่ของตัวแทนเท่านั้นจำเลยไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว เอกสารดังกล่าวจึงไม่เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ.

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสามสำนวนฟ้องว่า จำเลยได้ตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ว่าจะนำเงินค่าข้าวเปลือกมาชำระให้แก่โจทก์ทั้งสามภายในวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๒๖ เมื่อถึงกำหนดจำเลยไม่ชำระเงินดังกล่าวแก่โจทก์ทั้งสาม ขอให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ทั้งสามพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสามสำนวนให้การว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะไม่มีมูลหนี้ต่อกัน เอกสารท้ายฟ้องไม่ใช่สัญญาประนีประนอมยอมความจำเลยไม่เคยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยใช้เงินแก่โจทก์ทั้งสามพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสามสำนวนอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ทั้งสามสำนวนฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า ปัญหาว่ารายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีเอกสารหมาย จ.๑ ซึ่งมีข้อความว่าโจทก์ทั้งสามพร้อมด้วยจำเลยไปแจ้งว่าเมื่อวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๖ นายสว่างอินสถิตย์ ได้นำเงินจำนวน ๘๐,๖๐๖ บาทมาไว้กับจำเลยเพื่อที่ให้มาจ่ายแก่โจทก์ที่ ๑ จำนวน ๕๙,๘๖๖ บาท โจทก์ที่ ๒ จำนวน ๑๑,๒๐๕ บาท และโจทก์ที่ ๓ จำนวน ๙,๕๓๕ บาท จำเลยได้เก็บรักษาไว้แล้วและได้พากันมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งความไว้เป็นหลักฐานว่าในวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๒๖ จำเลยจะมาจัดการเคลียเงินทั้งหมดให้แก่โจทก์ทั้งสามนั้น เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความหรือไม่ เห็นว่า เอกสารดังกล่าวไม่มีข้อความในทำนองว่า มีข้อตกลงเพื่อระงับข้อพิพาทที่มีอยู่แล้วหรือที่จะมีขึ้นภายหลัง ทั้งไม่ปรากฏมูลหนี้ใดๆ ที่จำเลยจะต้องรับผิดต่อโจทก์ เอกสารหมาย จ.๑ จึงไม่เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความข้อความตามเอกสารดังกล่าวเป็นเรื่องจำเลยรับฝากเงินจากนายสว่างเพื่อนำไปชำระให้แก่โจทก์ทั้งสาม จำเลยรับเงินไว้ในฐานะตัวแทนของนายสว่าง จำเลยไม่มีนิติสัมพันธ์กับโจทก์และไม่ได้เป็นลูกหนี้โจทก์ การที่จำเลยไปตกลงว่าจะชำระเงินให้โจทก์ในวันใด เป็นการตกลงกำหนดวันชำระเงิน เป็นการกระทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายในฐานะตัวแทน เมื่อถึงวันนัดจำเลยไม่ชำระเงิน โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ต่อตัวการอย่างไร ก็คงเป็นเจ้าหนี้อยู่เช่นเดิม จำเลยไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัวกรณีดังกล่าวโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยเป็นส่วนตัว
พิพากษายืน.

Share