คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 267-268/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อปรากฏว่าค่าเสียหายที่คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์สั่งให้จำเลยชำระแก่โจทก์ในกรณีเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมแยกเป็นค่าชดเชยตามประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่อง การคุ้มครองแรงงาน 6 เดือน ค่าที่ไม่บอกกล่าวเลิกจ้างล่วงหน้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ 1 เดือน และค่าเสียหายเท่ากับระยะเวลาที่คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์พิจารณาคำร้องอีก 3 เดือน ประกอบกับตามใบรับเช็คที่โจทก์เซ็นรับก็ระบุว่า โจทก์ยอมรับว่าในค่าเสียหายนั้นมีเงินค่าชดเชยและเงินค่าสินจ้างเนื่องจากเลิกจ้างรวมอยู่ด้วย ดังนี้ ต้องถือว่าโจทก์ได้รับเงินค่าชดเชยไปถูกต้องแล้ว โจทก์ไม่อาจเรียกร้องจากจำเลยอีก

ย่อยาว

คดีทั้งสองสำนวนนี้ ศาลแรงงานกลางรวมพิจารณาพิพากษาโดยเรียกโจทก์สำนวนแรกและสำนวนที่ ๒ ว่า โจทก์ที่ ๑ ที่ ๒ ตามลำดับ
โจทก์ทั้งสองสำนวนฟ้องทำนองเดียวกันว่า โจทก์ที่ ๑ ที่ ๒ เป็นลูกจ้างประจำของจำเลยแต่ละคนได้รับค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ ๓,๐๐๐ บาท ทำหน้าที่พนักงานขายและเก็บเงินเมื่อวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๑ และวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๒๑ จำเลยเลิกจ้างโจทก์ที่ ๑ ที่ ๒ โดยไม่มีความผิดและไม่จ่ายค่าชดเชย ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์ที่ ๑ และโจทก์ที่ ๒ คนละ๑๘,๐๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยตามกฎหมายนับแต่วันเลิกจ้างจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองสำนวนให้การว่า จำเลยได้จ่ายค่าชดเชยให้โจทก์ที่ ๑ จำนวน ๑๕,๘๔๐ บาท โจทก์ที่ ๒ จำนวน ๑๘,๐๐๐ บาท แล้ว จำเลยจึงไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยให้โจทก์อีก
ในวันพิจารณาโจทก์ส่งเอกสารบันทึกใบรับเช็ค ๒ ฉบับ คำสั่งของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ สำเนาคำพิพากษาศาลฎีกาอย่างละ ๑ ฉบับ จำเลยส่งเอกสารบันทึกคำให้การของนายพูลสวัสดิ์ คำให้การจำเลย สำเนาคำพิพากศาลชั้นต้น สำเนาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์อย่างละ ๑ ฉบับ ต่อศาลคู่ความแถลงรับกันว่า เอกสารที่โจทก์จำเลยส่งอ้างเป็นพยานเป็นเอกสารที่ถูกต้องแท้จริงและแถลงไม่ติดใจสืบพยานบุคคล
ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า จำเลยได้จ่ายเงินค่าชดเชยตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานให้แก่โจทก์ทั้งสองแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์ทั้งสองสำนวน
โจทก์ทั้งสองสำนวนอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ตามคำสั่งของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ที่ ๒๓/๒๕๒๑ ที่ให้จำเลยจ่ายเงินให้แก่โจทก์ทั้งสองนั้น สั่งให้จ่ายเป็นเงินจำนวนเท่ากับอัตราค่าจ้างคนละ ๑๐ เดือน โดยให้โจทก์ที่ ๑ ได้รับจำนวน ๒๖,๔๐๐ บาท โจทก์ที่ ๒ ได้รับ ๓๐,๐๐๐ บาท ซึ่งแยกเป็นค่าชดเชยตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ๖ เดือน ค่าที่ไม่บอกกล่าวเลิกจ้างล่วงหน้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๕๘๒ หนึ่งเดือน และค่าเสียหายเท่ากับระยะเวลาที่คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์พิจารณาคำร้องอีก ๓ เดือน ต่อมาจำเลยได้จ่ายเงินให้แก่โจทก์ทั้งสองไปตามคำสั่งของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ในจำนวนเงินดังกล่าวมีเงินค่าชดเชยตามประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่อง การคุ้มครองแรงงานรวมด้วยแล้ว โจทก์ที่ ๑ ได้รับค่าชดเชยเป็นจำนวน๑๕,๘๔๐ บาท โจทก์ที่ ๒ ได้รับค่าชดเชยเป็นจำนวน ๑๘,๐๐๐ บาท นอกจากนั้นตามใบรับเช็คฉบับลงวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๒๔ รวม ๒ ฉบับ ที่โจทก์อ้างส่งศาลก็ได้ระบุข้อความไว้ว่า “…ข้าพเจ้ายอมรับว่าเงินค่าชดเชยตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานและเงินค่าสินจ้างที่บริษัทต้องจ่ายให้ข้าพเจ้าเนื่องจากเลิกจ้างโดยมิได้บอกกล่าวล่วงหน้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ได้รวมอยู่ในค่าเสียหายจำเลยดังกล่าวด้วยแล้ว…” ตามบันทึกข้อความดังกล่าวโจทก์ทั้งสองในคดีนี้ได้ลงชื่อรับเงินตามเช็คไปแล้ว แสดงว่าโจทก์ทั้งสองก็ได้ยอมรับว่ามีเงินค่าชดเชยรวมอยู่ในเงินค่าเสียหายจำนวนดังกล่าว ฉะนั้นในเมื่อจำเลยได้จ่ายเงินค่าชดเชยให้โจทก์ทั้งสองรับไปแล้วเช่นนี้ การที่โจทก์ทั้งสองจะยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์อย่างไร หรือคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์จะมีอำนาจสั่งให้จำเลยจ่ายเงินค่าชดเชยหรือไม่ จึงหาใช่ข้อสารสำคัญที่จะต้องนำมาพิจารณาไม่
พิพากษายืน

Share