คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 607-608/2501

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์จำเลยพิพาทกันเรื่องที่ดิน โดยต่างฝ่ายต่างกล่าวหากันว่าอีกฝ่ายหนึ่งบุกรุกที่ดินของตน เมื่อศาลสั่งทำแผนที่แล้วปรากฎว่าตรงที่พิพาทกันมิได้เกี่ยวข้องกับที่ ๆ จำเลยนำชี้แนวเขตที่ดินทางด้านอื่นรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของนายโชติเช่นนี้ เมื่อนายโชติจะต้องการใช้สิทธิทางศาลตาม ป.วิ.แพ่ง มาตรา55 ก้ต้องนำคดีไปฟ้องร้องเป็นคดีเรื่องใหม่ตั้งข้อพิพาทกับจำเลยฝ่ายเดียวโดยเฉพาะ หามีสิทธิประการใดที่จะร้องสอดเข้ามาในคดีเรื่องนี้ไม่ ไม่ว่าในฐานะที่เป็นโจทก์ร่วมจำเลยร่วมหรือเป็นฝ่ายที่สาม มิฉะนั้นแล้วบุคคลอื่น ๆ ก็ถือสิทธิร้องสอดเข้ามาในคดีได้ง่าย ๆ แทนที่ศาลจะพิจารณาแต่เพียงประเด็นเดียวเฉพาะที่โจทก์จำเลยพิพาทกันโดยตรง กลับจะต้องไปพิจารณาประเด็นอื่น ๆ ซึ่งไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับประเด็นข้อพิพาทระหว่างโจทก์กับจำเลยนั้นเลย

ย่อยาว

คดี ๒ สำนวนนี้คู่ความต่างฟ้องกล่าวหากันว่า อีกฝ่ายหนึ่งบุกรุกที่ดินของตน ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษารวมกันมา
เพื่อความสดวกศาลเรียกนายแดงเป็นโจทก์ และนายเจริญ นางหนาดเป็นจำเลย
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าที่ดินภายในเส้นสีเขียวตอนเหนือตามแผนที่เป็นของจำเลยทั้งสอง ที่ดินภายในวงเส้นสีดำเป็นของนายโชติผู้ร้องสอด ที่ดินพิพามภายในวงเส้นสีเขียวตอนไต้กับภายในวงเส้นสีเหลืองเป็นของโจทก์ และให้ยกฟ้องในสำนวนที่จำเลยเป็นโจทก์นั้นเสีย
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นว่า ที่ดินภายในวงเส้นสีดำทางตวันตกเฉียงเหนือของที่พิพาทเนื่อที่ ๑ งาน ๒๕ ตารางวาเป็นของจำเลย ให้ยกคำร้องสอดของนายโชติผู้ร้องสอด นอกจากที่แก้ไขนี้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสองฎีกาต่อมาและนายโชติผู้ร้องสอดก็ได้ฏีกาขึ้นมาด้วย
ในส่วนที่เกี่ยวกับข้อกฎหมาย คือ ฎีกาของนายโชติผู้ร้องสอด ซึ่งศาลฎีกาเห็นว่า คดีเรื่องนี้โจทก์กับจำเลยพิพาทกันด้วยเรื่องที่ดินภายในวงเส้นสีเขียวตอนใต้ทางเกวียน กับที่ดินภายในวงเส้นสีเหลืองโดยเฉพาะ มิได้เกี่ยวข้องพิพาทกันเลยขึ้นไปถึงที่ดินภายในวงเส้นสีดำที่นายโชติอ้างว่าเป็นของตนนั้นเลย เมื่อนายโชติไม่ได้มีข้อพิพาทอันใดเกี่ยวข้องกับที่ดินที่พิพาทกันในระหว่างโจทก์กับจำเลยนี้แล้วจะหยิบยกเอาที่ดินส่วนอื่นหรือแปลงอื่นขึ้นมาตั้งเป็นข้อพิพาท หรือถือสิทธิร้องสอดเข้ามาในคดีเรื่องนี้ไม่ได้ แม้ถึงว่าจำเลยในคดีเรื่องนี้จะนำชี้แนวเขตที่ดินทางด้านอื่นรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของนายโชติจริงดังที่นายโชติกล่าวอ้าง และนายโชติต้องการที่จะใช้สิทธิทางศาลตาม ป.วิ.แพ่ง มาตรา ๕๕ ก็นำคดีไปฟ้องร้องเป็นคดีเรื่องใหม่ตั้งข้อพิพาทกับจำเลยฝ่ายเดียวโดยเฉพาะ หามีสิทธิโดยประการใดที่จะร้องสอดเข้ามาในคดีเรื่องนี้ไม่ไม่ว่าในฐานะที่เป็นโจทก์ร่วม จำเลยร่วม หรือเป็นฝ่ายที่สาม มิฉะนั้นบุคคลอื่น ๆ ก็ถือสิทธิร้องสอดเข้ามาในคดีได้ง่าย ๆ แทนนี้ศาลจะพิจารณาแต่เพียงประเด็นเดียวเฉพาะที่โจทก์จำเลยพิพาทกันโดยตรง กลับจะต้องไปพิจารณาประเด็นอื่น ๆ ซึ่งไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับประเด็นข้อพิพาทระหว่างโจทก์กับจำเลยนั้นเลย ทำให้เป็นเรื่องยุ่งยากไปเปล่า ๆ ศาลชั้นต้นควรที่จะยกคำร้องของนายโชติเสียแล้วตั้งแต่ต้น การที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยและพิพากษาคดีอันเกี่ยวกับที่ดินแปลงหมายสีดำซึ่งนายโชติร้องขึ้นมานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย
ศาลฎีกาพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า ให้ยกคำร้องสอดของนายโชติเสีย แต่ไม่ตัดสิทธิของนายโชติที่จะนำคดีไปฟ้องร้องเป็นสำนวนเรื่องใหม่ให้ชอบตามระเบียบวิธีพิจารณา นอกจากที่แก้ไขนี้แล้วให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share