แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ข้อตกลงว่าจะให้ทรัพย์สินอันเป็นผลประโยชน์ที่ผู้ให้จะได้รับจากบริษัทเป็นคราวๆ ตามที่จำหน่ายได้ เป็นคำมั่นว่าจะให้ทรัพย์สิน เมื่อไม่มีการจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ย่อมไม่มีผลผูกพันผู้ให้ตลอดไป
ย่อยาว
คดี ๒ สำนวนนี้ ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษารวมกันมา
โจทก์ทั้งสองสำนวนต่างฟ้องจำเลยคนเดียวกันมีใจความอย่างเดียวกันว่าโจทก์กับจำเลยได้เป็นหุ้นส่วนดำเนินกิจการค้าร่วมกัน ใช้ชื่อว่า ” หุ้นส่วนเหตระกูล” ในระหว่างที่เป็นหุ้นส่วนกันได้มีการติดต่อให้ได้มาซึ่งสิทธิในการบรรจุขวดเซเว่นอัพจากบริษัทเซเว่นอัพ คอปอร์เรชั่นแห่งนิวยอร์คสหรัฐอเมริกา อันเป็นสิทธิในทรัพย์ชิ้นหนึ่งซึ่งนอกเหนือไปจากการเป็นหุ้นส่วนเหตระกูล ต่อมาได้มอบสิทธิแห่งการบรรจุขวดให้แก่บริษัทเซเว่นอัพ บอตตลิ่ง (กรุงเทพ) จำกัด เป็นผู้ใช้สิทธิโดยบริษัทเซเว่นอัพ บอตตลิ่ง(กรุงเทพ) จำกัด ให้ประโยชน์แก่จำเลยและหุ้นส่วนตามจำนวนที่ผลิตและจำหน่ายเป็นรายลังๆ ละ ๑๐ สตางค์ โจทก์กับจำเลยจึงรวมกันทำสัญญาแบ่งส่วนที่ได้รับนั้นอีกส่วนหนึ่ง จำเลยได้ ๔ สตางค์ โจทก์คนละ ๓ สตางค์ ต่อหนึ่งลัง จำเลยได้รับประโยชน์ในการใช้สิทธิบรรจุขวดไปแล้วตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ๒๔๙๗ ถึงเดือนเมษายน ๒๕๐๔ แต่จำเลยไม่แบ่งประโยชน์ที่ได้รับให้แก่โจทก์ตั้งแต่เดือนธันวาคม ๒๕๐๐ ถึงเดือนเมษายน ๒๕๐๔ ปรากฏตามบัญชีที่จำเลยรับไปเป็นเงิน ๓๖๓,๙๕๓๐๒๕ บาท จึงขอให้ศาลบังคับจำเลยแบ่งเงินค่าใช้สิทธิที่จำเลยใได้รับไปแล้วตามส่วนให้แก่โจทก์คนละ ๑๐๙,๑๘๕.๙๗ บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ยร้อยละ ๗ ครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้อง
จำเลยให้การว่า ” หุ้นส่วนเหตระกูล” ได้เลิกหุ้นส่วนกันแล้วแต่วันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๔๙๖ สิทธิในการบรรจุขวด จำเลยแต่ผู้เดียวเป็นผู้ติดต่อหามาได้ จำเลยได้มอบสิทธิการบรรจุขวดให้แก่บริษัทเซเว่นอัพ บอตตลิ่ง (กรุงเทพ) จำกัด ซึ่งโจทก์กับจำเลยได้ก่อตั้งขึ้น ทางบริษัทดังกล่าวได้ลงมติให้ออกหุ้นบุริมสิทธิเสมือนหนึ่งได้ใช้เงินเต็มค่าแล้วให้แก่จำเลยแต่ผู้เดียวเป็นจำนวน ๖,๐๐๐ หุ้น มูลค่าหุ้นละ ๑๐๐ บาท ต่อมาโจทก์ทั้งสองโกรธเคืองจำเลยที่ไม่ยอมแบ่งหุ้นบุริมสิทธิให้บ้าง จึงอาศัยเสียงข้างมากในคณะกรรมการบริษัทลงมติให้จำเลยออกจากตำแหน่งกรรมการ แล้วภายหลังได้ทำการประนีประนอมกันให้จำเลยคืนหุ้น ๖,๐๐๐ หุ้นแก่บริษัท โดยขอรับเป็นเงินค่าตอบแทนในการที่บริษัทใช้สิทธิบรรจุขวดในอัตราลังละ ๑๐ สตางค์ แก่จำเลยแต่ผู้เดียว ซึ่งโจทก์จะไม่ขอรับส่วนแบ่งและไม่ถือว่ามีส่วนด้วยหรือเป็นของหุ้นส่วนเหตระกูล จำเลยจึงยอมคืนหุ้นบุริมสิทธิ ๖,๐๐๐ หุ้นแก่บริษัทเซเว่นอัพ บอตตลิ่ง (กรุงเทพ) จำกัดเมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๔๙๗ และในวันเดียวกัน จำเลยได้ทำสัญญาให้บริษัทใช้สิทธิการบรรจุขวดโดยต้องเสียค่าใช้สิทธิให้จำเลยตามจำนวนที่ผลิตและจำหน่ายได้เป็นรายลังๆ ละ ๑๐ สตางค์ และทางบริษัทได้จ่ายค่าใช้สิทธิให้แก่จำเลยแต่ผู้เดียวตลอดมา
หลังจากที่โกรธเคืองกันจนต้องเลิกหุ้นส่วนเหตระกูลแต่วันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๔๙๖ บิดาโจทก์จำเลยป่วยหนัก ได้ช่วยกันพยาบาลจนบิดาถึงแก่กรรมเมื่อเดือนมีนาคม ๒๔๙๘ โจทก์ได้ถือโอกาสระหว่างนั้นให้บิดาช่วยไกล่เกลี่ยขอร้องให้จำเลยแบ่งเงินค่าสิทธิในการบรรจุขวดให้แก่โจทก์บ้าง จำเลยยอมแบ่งให้โจทก์คนละ ๓ สตางค์ต่อ ๑ ลัง ซึ่งเป็นการให้โดยเสน่หา โจทก์ได้ทำบันทึกการแบ่งหุ้นส่วนตามฟ้องไปให้จำเลยลงนามโดยหลอกว่า เป็นสัญญาที่ให้เงินที่ได้รับเป็นค่าสิทธิในการบรรจุขวดบางส่วนตามที่จำเลยตกลงจะให้ จำเลยหลงเชื่อ จึงลงนามให้โดยไม่ทราบว่าบันทึกนั้นอ้างถึงการเป็นหุ้นส่วนเหตระกูล ซึ่งความจริงได้เลิกกันไปก่อนแล้ว และจำเลยก็ได้ให้เงินแก่โจทก์คนละ ๓ สตางค์ ต่อ ๑ ลัง ตลอดมา จนถึงเดือนธันวาคม ๒๕๐๐ จำเลยจึงบอกเลิกไม่ใช้ เพราะโจทก์กล่าวร้ายและหมิ่นประมาทอย่างร้ายแรง ทำให้จำเลยเสียชื่อเสียง จำเลยย่อมมีสิทธิที่จะเพิกถอนการให้นั้นเสีย ทั้งการให้เงินนี้ก็ไม่มีกำหนดเวลา จำเลยย่อมมีสิทธิที่จะเลิกให้เสียเมื่อใดก็ได้ โจทก์ไม่มีสิทธิหรืออำนาจที่จะเรียกร้องให้จำเลยต้องให้เงินโจทก์อีก
ศาลชั้นต้นฟังว่า สิทธินั้นเป็นของจำเลย จะแบ่งแก่ใครก็ได้ ไม่ให้ก็ได้ เป็นของจำเลยแต่ผู้เดียว บันทึกการแบ่งผลประโยชน์ตามเอกสารหมาย จ.๓ ต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๕๒๑ ถึงมาตรา ๕๓๖ ว่าด้วยลักษณะให้ ข้อตกลงในเอกสารหมาย จ. ๓ เป็นเรื่องการให้ทรัพย์สินหรือคำมั่นว่าจะให้ทรัพย์สินตามมาตรา ๕๒๖ ซึ่งไม่ได้นำไปจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ โจทก์ผู้รับจึงฟ้องเรียกให้จำเลยส่งมอบทรัพย์สิน คือ ผลประโยชน์ตามส่วนแบ่งจะให้ในเอกสารหมาย จ. ๓ นั้น ไม่ได้ ตามเอกสารหมาย จ.๓ ไม่มีกำหนดระยะเวลาที่จะปฏิบัติต่อกัน จำเลยจะบอกเลิกเสียเมื่อใดก็ได้ จำเลยได้ใช้สิทธิบอกเลิกเพิกถอนแล้ว ตามเอกสารหมาย จ.๑๖ โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยส่งมอบเงินตามสัญญานั้นได้อีก พิพากษายกฟ้อง โจทก์ทั้งสองสำนวน
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า สิทธิในการบรรจุขวดเป็นของจำเลยแต่ผู้เดียว ที่โจทก์จำเลยทำเอกสาร จ. ๓ นี้ไว้ต่อกัน ก็ไม่ได้กำหนดระยะเวลาว่า จำเลยจะต้องให้โจทก์ไปนานเท่าใด ไม่มีกำหนดเวลาให้จำเลยต้องรับผิดตลอดไป เป็นเรื่องการให้โดยเสน่หา และเป็นเพียงคำมั่นว่าจะให้ซึ่งในกรณีเรื่องนี้ไม่ได้มีการจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ จึงไม่มีผลผูกพันจำเลยตลอดไป โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะเรียกร้องให้จำเลยส่งมอบเงินตามเอกสาร จ.๓ ต่อไป
พิพากษายืน