คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 439-440/2504

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทั้งสองรับราชการกรมไปรษณีย์ฯ คนหนึ่งเป็นหัวหน้าแผนกตรวจจ่าย กองบัญชี อีกคนหนึ่งรักษาราชการแทนหัวหน้าแผนกเดียวกันนี้เสมียนในแผนกนี้ได้เซ็นรับรองในใบสำคัญเอกสารขอเบิกเงินค่าเสาโทรเลขจากกรมไปรษณีย์ฯ ซึ่งเป็นเอกสารปลอม ที่เกิดการทุจริตรายนี้ก็เพราะมีการปลอมลายเซ็นของหัวหน้ากองช่างโทรเลขและผู้ทำการแทน ซึ่งยากที่จำเลยจะทราบได้ เมื่อมีลายเซ็นของหัวหน้ากองช่างโทรเลขและผู้ทำการแทน ทั้งมีตราประทับมาด้วยจำเลยก็น่าจะเชื่อว่าเป็นเอกสารอันแท้จริงจำเลยจึงได้เซ็นรับรองในใบสำคัญนั้นในช่องที่มีตัวพิมพ์ไว้ว่า ตรวจถูกต้อง ทั้งนี้ โดยจำเลยเชื่อว่าลายเซ็นปลอมนั้นเป็นลายเซ็นของหัวหน้ากองช่างโทรเลขและผู้ทำการแทน จึงมิได้เรียกสัญญามาตรวจสอบและไม่มีระเบียบให้เรียกสัญญามาตรวจสอบ แล้วส่งใบสำคัญเหล่านี้ไปยังกองคลังๆ อนุมัติให้จ่ายเงินได้ เป็นเหตุให้กรมไปรษณีย์ฯ เสียหาย ดังนี้ ยังไม่ถือว่าจำเลยได้ประมาทเลินเล่อ จำเลยไม่ต้องรับผิด
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 32/2503)

ย่อยาว

คดี ๒ สำนวนนี้พิจารณาพิพากษารวมกัน
ได้ความว่าจำเลยทั้งสองรับราชการสังกัดกรมไปรษณีย์โทรเลข นายทิน จำเลยเป็นหัวหน้าแผนกตรวจจ่าย กองบัญชี นายโมทย์ จำเลยรักษาราชการแทนหัวหน้าแผนกตรวจจ่าย กองบัญชี นายสุนันท์ เสมียนแผนกตรวจจ่ายได้เซ็นรับรองในเอกสารขอเบิกเงินค่าเสาโทรเลขจากกรมไปรษณีย์ฯ ซึ่งเป็นเอกสารปลอม คือ ส.ท.๑๐ ที่โจทก์นำมาฟ้องนี้ โดยใบสำคัญ ส.ท.๑๐ บางรายได้จ่ายเงินให้ไปแล้ว บางรายสัญญาได้เลิกกันไปแล้วและบางรายปฏิบัติยังไม่ถูกต้องครบถ้วนตามสัญญา ซึ่งกรมไปรษณีย์ฯ ไม่มีความผูกพันที่จะต้องจ่ายเงินตามใบสำคัญ ส.ท.๑๐ นั้นเลย ที่เกิดการทุจริตรายนี้ก็เพราะมีการปลอมลายเซ็นของหัวหน้ากองช่างโทรเลขและผู้ทำการแทน ซึ่งยากที่จำเลยจะทราบได้ เมื่อมีลายเซ็นของหัวหน้ากองช่างโทรเลขและผู้ทำการแทน ทั้งมีตราประทับมาด้วย จำเลยก็น่าจะเชื่อว่าเป็น ส.ท. ๑๐ อันแท้จริง จำเลยจึงได้เซ็นรับรองใบ ส.ท. ๑๐ นั้นในช่องที่มีตัวพิมพ์ไว้ว่า ตรวจถูกต้องแล้ว ต่อจากนั้นใบสำคัญ ส.ท. ๑๐ ปลอมได้ถูกส่งไปยังกองคลังๆ อนุมัติให้จ่ายเงินได้ เป็นเหตุให้กรมไปรษณีย์ฯ เสียหายในการที่ได้จ่ายเงินดังกล่าวไป โจทก์จึงฟ้องขอให้บังคับนายทินจำเลยใช้เงิน ๕๓,๕๐๕ บาท และนายโมทย์จำเลยใช้เงิน ๑๕๓,๓๒๖ บาท ๔๘สตางค์ให้แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย โดยอ้างเหตุว่าจำเลยทั้งสองประมาทเลินเล่อไม่ใช้ความระมัดระวังให้รอบคอบ เป็นเหตุให้กรมไปรษณีย์ฯ เสียหายดังกล่าว
ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลทั้งสอง ให้ยกฟ้องโจทก์
ข้อวินิจฉัยของศาลฎีกามีว่า จำเลยน่าจะได้เชื่อนายสุนันท์ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รองจำเลย ทั้งเชื่อว่าลายเซ็นปลอมนั้นเป็นลายเซ็นของหัวหน้ากองช่างโทรเลขและผู้ทำการแทน จึงมิได้เรียกสัญญามาตรวจสอบ ทั้งไม่มีระเบียบว่าให้เรียกสัญญามาตรวจสอบด้วย จึงยังไม่พอที่จะถือว่าจำเลยได้บกพร่องต่อหน้าที่อันเป็นเหตุให้ถือได้ว่าได้ประมาทเลินเล่อ ที่โจทก์อ้างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนว่า ข้าราชการพลเรือนต้องปฏิบัติราชการด้วยความเอาใจใส่ระมัดระวังนั้น ก็ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยไม่ได้ระมัดระวังเอาใจใส่ในการปฏิบัติราชการแต่อย่างใด เมื่อข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้ประมาทเลินเล่ออันเป็นเหตุให้โจทก์เสียหาย จำเลยจึงไม่ต้องรับผิด

Share