คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8340-8341/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การไฟฟ้าฝ่ายผลิตโจทก์ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อจำหน่ายพลังงานไฟฟ้าให้แก่บุคคลทั่วไปดังเช่นการไฟฟ้านครหลวงหรือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โจทก์ไม่ได้จ่ายกระแสไฟฟ้าให้แก่จำเลยในเชิงการค้า หากแต่เป็นการจ่ายกระแสไฟฟ้าตามเงื่อนไขของสัญญาจ้างเหมาขุดดินและถ่านลิกไนต์ระหว่างโจทก์และจำเลย ซึ่งนอกจากโจทก์จะต้องจ่ายกระแสไฟฟ้าให้แก่จำเลยดังกล่าวตามสัญญาแล้ว โจทก์ยังต้องจัดหาน้ำมันดีเซลหมุนเร็วส่งถึงบริเวณถังน้ำมันของเหมืองแม่เมาะให้แก่จำเลยด้วย ข้อตกลงเรื่องกระแสไฟฟ้าระหว่างโจทก์และจำเลยตามเงื่อนไขของสัญญา จึงเป็นเรื่องเฉพาะกิจ ไม่ได้ทำเป็นปกติธุระ เช่นจำหน่ายให้แก่บุคคลทั่วไป ถือไม่ได้ว่าโจทก์เป็นผู้ประกอบการค้าตามนัยแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/34 (1) ประกอบกับหนี้คดีนี้เกิดจากโจทก์สำคัญผิดว่าโจทก์ต้องเป็นผู้รับภาระภาษีมูลค่าเพิ่มแทนจำเลย จึงคิดค่ากระแสไฟฟ้าจากจำเลยขาดตกบกพร่องเท่ากับจำนวนภาษีมูลค่าเพิ่ม เมื่อหนี้ส่วนนี้ไม่มีกฎหมายบัญญัติเรื่องอายุความไว้โดยเฉพาะ จึงมีอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/30

ย่อยาว

คดีทั้งสองสำนวน ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษารวมกัน โจทก์ทั้งสองสำนวนฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินค่ากระแสไฟฟ้าที่ค้างชำระพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองสำนวนให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้จึงสั่งงดสืบพยานโจทก์และจำเลย แล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน… แก่โจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ทั้งสองสำนวน กำหนดค่าทนายความสำนวนละ ๒๐,๐๐๐ บาท
จำเลยทั้งสองสำนวนอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์สำนวนละ ๑๕,๐๐๐ บาท แทนโจทก์
จำเลยทั้งสองสำนวนฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์เป็นผู้ประกอบการค้าหรืออุตสาหกรรมโดยเป็นผู้ขายสินค้าหรือให้บริการในทางธุรกิจและมีหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี อายุความฟ้องร้องคดีนี้จึงมีเพียง ๒ ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๙๓/๓๔ (๑) นั้น เห็นว่า พระราชบัญญัติการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๑๑ มาตรา ๖ บัญญัติว่าโจทก์มีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้ (๑) ผลิต จัดให้ได้มา จัดส่งหรือจำหน่ายชั่งพลังงานไฟฟ้าให้แก่ (ก) การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคหรือการไฟฟ้าอื่นตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น (ข) ผู้ใช้พลังงานไฟฟ้าตามที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา (ค) ประเทศใกล้เคียง ส่วนมาตรา ๖ (๒ ทวิ) ที่บัญญัติว่า ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับพลังงานไฟฟ้าและธุรกิจอื่นที่เกี่ยวกับหรือต่อเนื่องกับกิจการของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยนั้น เป็นบทบัญญัติเพิ่มเติมขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๕ หลังจากทำสัญญาจ้างเหมาระหว่างโจทก์และจำเลย จากบทบัญญัติดังกล่าวจะเห็นได้ว่าโจทก์มีวัตถุประสงค์ในการจำหน่ายพลังงานไฟฟ้าให้แก่บุคคลเฉพาะที่ระบุไว้ตามกฎหมาย โจทก์ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อจำหน่ายพลังงานไฟฟ้าให้แก่บุคคลทั่วไปดังเช่นการไฟฟ้านครหลวงหรือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การที่โจทก์จ่ายกระแสไฟฟ้าให้แก่จำเลยในระบบ ๒๒ เควี โดยคิดค่ากระแสไฟฟ้าจากจำเลยกิโลวัตต์ – ชั่วโมงละ ๑.๒๐ บาท ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำมากแสดงว่าโจทก์ไม่ได้จ่ายกระแสไฟฟ้าให้แก่จำเลยในเชิงการค้า หากแต่เป็นการจ่ายกระแสไฟฟ้าตามเงื่อนไขของสัญญาจ้างเหมาขุดขนดินและถ่านลิกไนต์ระหว่างโจทก์และจำเลย ซึ่งนอกจากโจทก์จะต้องจ่ายกระแสไฟฟ้าให้แก่จำเลยดังกล่าวตามสัญญาข้อ ๓.๒ แล้ว โจทก์ยังต้องจัดหาน้ำมันดีเซลหมุนเร็วส่งถึงบริเวณถังน้ำมันของเหมืองแม่เมาะให้แก่จำเลยตามสัญญาข้อ ๓.๑ ด้วย ข้อตกลงเรื่องกระแสไฟฟ้าระหว่างโจทก์และจำเลยตามเงื่อนไขของสัญญาข้อ ๓ จึงเป็นเรื่องเฉพาะกิจไม่ได้ทำเป็นปกติธุระเช่นจำหน่ายให้แก่บุคคลทั่วไป ถือไม่ได้ว่าโจทก์เป็นผู้ประกอบการค้าตามนัยแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๙๓/๓๔ (๑) ประกอบกับหนี้คดีนี้เกิดจากโจทก์สำคัญผิดว่าโจทก์ต้องเป็นผู้รับภาระภาษีมูลค่าเพิ่มแทนจำเลย เมื่อหนี้ส่วนนี้ไม่มีกฎหมายบัญญัติเรื่องอายุความไว้โดยเฉพาะ จึงมีอายุความ ๑๐ ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๙๓/๓๐ ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าคดีนี้ไม่ขาดอายุความ ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย…

Share