คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 198-199/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อกฎหมายอาญาไม่ได้บัญญัติถึงวิธีการกำหนดนับระยะเวลาร้องทุกข์และฟ้องร้องไว้ จึงต้องกำหนดนับระยะเวลาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 21 วรรคสอง เป็นบทบัญญัติในการคำนวณระยะเวลาจำคุกเท่านั้น

ย่อยาว

คดีสองสำนวนนี้ ศาลพิจารณาพิพากษารวมกัน ฟ้องของโจทก์ทั้งสองสำนวนมีใจความเดียวกันว่า จำเลยทั้งสามร่วมกันเขียนข้อความลงในกระดาษใส่ความหมิ่นประมาทโจทก์ว่า ทุจริตต่อหน้าที่ราชการฉ้อราษฎร์บังหลวง ขอให้ลงโทษและใช้ค่าสินไหมทดแทน 10,000 บาท

จำเลยให้การปฏิเสธและต่อสู้ว่าคดีขาดอายุความ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานพยายามหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 จำคุกคนละ 6 เดือน ปรับคนละ 300 บาทลดโทษให้ตามมาตรา 78 คงจำคุก 4 เดือน ปรับ 200 บาท โทษจำให้รอไว้ 2 ปี และให้ร่วมกันใช้ค่าสินไหมทดแทน 1,000 บาท

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทตามมาตรา 328 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกาว่า โจทก์ทราบว่าจำเลยใส่ความโจทก์เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2506 โจทก์มิได้ร้องทุกข์ภายใน 3 เดือน และได้นำคดีมาฟ้องเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2506 ซึ่งเป็นวันพ้นกำหนดเวลา 3 เดือน ไปแล้ว คดีจึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 21 วรรค 2

ศาลฎีกาเห็นว่า ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 21 วรรค 2 นั้น ได้บัญญัติขึ้นเพื่อใช้ในการคำนวณระยะเวลาจำคุกเท่านั้น ส่วนคดีนี้เป็นการนับเวลาที่จะร้องทุกข์หรือฟ้องคดีในความผิดต่อส่วนตัวเมื่อไม่มีบัญญัติไว้โดยเฉพาะในประมวลกฎหมายอาญาก็ ต้องใช้กำหนดระยะเวลาดังที่ได้บัญญัติไว้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 156 และมาตรา 158 บัญญัติมิให้นับวันแรกแห่งระยะเวลานั้นรวมคำนวณเข้าด้วย ฉะนั้น เมื่อผู้เสียหายรู้เรื่องกระทำผิดและรู้ตัวผู้กระทำผิดตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม 2506 และได้ยื่นฟ้องต่อศาลเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2506 จึงครบกำหนดเวลา 3 เดือนพอดี คดีไม่ขาดอายุความ

พิพากษายืน ยกฎีกาจำเลย

Share