คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2982-2983/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ได้รับความเสียหายเนื่องจากความประมาทของผู้ขับรถยนต์คันที่จำเลยรับประกันภัยค้ำจุนไว้ ย่อมมีสิทธิฟ้องจำเลยได้โดยตรงในฐานะเป็นผู้รับประกันภัยโดยไม่ต้องฟ้องผู้เอาประกันภัย
เมื่อลูกจ้างของผู้เอาประกันภัยได้ขับรถยนต์คันที่เอาประกันภัยด้วยความประมาทก่อให้เกิดความเสียหายซึ่งผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชอบแล้ว จำเลยซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์คันดังกล่าวย่อมต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ผู้ต้องเสียหายโดยตรง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 887

ย่อยาว

ในสำนวนแรกโจทก์ที่ 1 ในฐานะเจ้าของรถยนต์บรรทุก ล.ย.00776และโจทก์ที่ 2 ในฐานะผู้เช่าซื้อและเจ้าของข้าวสารกับผ้าใบคลุมรถยนต์ดังกล่าวฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ลูกจ้างของจำเลยที่ 2 เจ้าของรถยนต์บรรทุกปอน.ม.08199 และนายสว่างลูกจ้างของจำเลยที่ 3 เจ้าของรถยนต์บรรทุกน้ำมัน น.ม.02296 ต่างขับรถบรรทุกดังกล่าวสวนทางกันด้วยความประมาทและชนกัน แล้วรถยนต์คันหลังเสียหลักพุ่งเข้าชนรถยนต์ของโจทก์เสียหาย จำเลยที่ 4 เป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์บรรทุกของจำเลยที่ 3 ขอให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย

จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา จำเลยที่ 2 และที่ 3 ให้การปฏิเสธความรับผิดหลายประการ

จำเลยที่ 4 ให้การต่อสู้หลายประการและว่า จำเลยที่ 4 มิได้รับประกันภัยรถยนต์ น.ม.02296 จากจำเลยที่ 3 แต่รับประกันภัยค้ำจุนโดยบุคคลอื่นเป็นผู้เอาประกันภัย เมื่อผู้เอาประกันภัยไม่ต้องรับผิดจำเลยที่ 4 จึงไม่ต้องรับผิดด้วย

ในสำนวนหลังโจทก์ในฐานะเจ้าของรถยนต์บรรทุกน้ำมัน น.ม.02296 ฟ้องว่านายบุญลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ขับรถบรรทุกปอ น.ม.08199 ด้วยความประมาทเฉี่ยวชนรถของโจทก์ซึ่งวิ่งสวนทางมา ทำให้รถยนต์ของโจทก์เสียหลักเครื่องยนต์ดับขวางถนน นายเทียบลูกจ้างของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ซึ่งเป็นเจ้าของรถบรรทุกข้าวสาร ล.ย.00776 ขับรถดังกล่าวโดยประมาทเข้าชนรถบรรทุกของโจทก์เสียหาย ขอให้จำเลยทั้งสามชำระค่าเสียหาย

จำเลยทั้งสามให้การต่อสู้คดีหลายประการ

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้บริษัท ร.ส.พ.ประกันภัย จำกัด จำเลยที่ 4 ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ที่ 1 และโจทก์ที่ 2 (บริษัทโค้วยู่ฮะมอเตอร์ จำกัด และห้างหุ้นส่วนจำกัดโรงงานอุตสาหกรรมสินธุพันธ์) ยกฟ้องที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 สำนวนแรก กับให้ยกฟ้องโจทก์สำนวนหลัง

โจทก์สำนวนหลังและจำเลยที่ 4 สำนวนแรกอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 1 สำนวนหลังชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์สำนวนหลัง

โจทก์และจำเลยที่ 1 สำนวนหลังฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า นายสว่างขับรถยนต์บรรทุกน้ำมันล้ำเข้าไปเฉี่ยวชนรถบรรทุกปอในเส้นทางเดินรถของรถยนต์บรรทุกปอ รถยนต์บรรทุกปอไม่ได้ประมาท เหตุที่เกิดขึ้นเป็นระยะเวลาแทบจะทันทีทันใดและอยู่ในทางเดินรถของรถยนต์บรรทุกข้าวสาร รถยนต์บรรทุกข้าวสารย่อมไม่อาจหยุดรถได้ทันท่วงที กรณีถือไม่ได้ว่าเป็นความประมาทเลินเล่อของรถบรรทุกข้าวสาร แล้ววินิจฉัยข้อกฎหมายว่า แม้ศาลชั้นต้นจะฟังว่าจำเลยที่ 3 ไม่ใช่ผู้เอาประกันภัยและพิพากษายกฟ้องไม่ให้จำเลยที่ 3 รับผิดก็ตาม แต่โจทก์ที่ 1 และที่ 2 ก็ยังมีสิทธิที่จะฟ้องจำเลยที่ 4 โดยตรงในฐานะผู้รับประกันภัยค้ำจุนรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน น.ม.02296 ได้โดยไม่ต้องฟ้องผู้เอาประกันภัย และในระหว่างดำเนินคดีในศาลชั้นต้นโจทก์ที่ 1 และที่ 2 ก็ได้ขอให้ศาลเรียกโจทก์ที่ 3 ผู้เอาประกันภัยเข้ามาเป็นจำเลยร่วมอยู่แล้ว แต่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องเสียเท่านั้น แต่ถึงอย่างไรผู้เอาประกันภัยก็ได้เข้ามาในคดีอยู่แล้วในฐานะโจทก์ที่ 3 จำเลยที่ 4ก็ให้การและนำสืบรับอยู่ว่าเป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์บรรทุกน้ำมันหมายเลขทะเบียน น.ม.02296 ของโจทก์ที่ 3 ผู้เอาประกันภัย ดังนั้น เมื่อข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า ลูกจ้างขับรถยนต์บรรทุกน้ำมันหมายเลขทะเบียน น.ม.02296 ของโจทก์ที่ 3 เป็นฝ่ายประมาทเลินเล่อก่อให้เกิดความเสียหายซึ่งโจทก์ที่ 3 ผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชอบ จำเลยที่ 4ซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยค้ำจุนจึงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ที่ 1 และที่ 2 ผู้ต้องเสียหายโดยตรงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 887

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ที่ 3 (โจทก์สำนวนหลัง) ที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 สำนวนหลังตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share