คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1898-1899/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ห้างหุ้นส่วนจำกัด ร. ได้ทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีไว้แก่ธนาคารจำเลยเช็คพิพาทเป็นของห้างหุ้นส่วนจำกัด ร. ซึ่งผู้สั่งจ่ายได้ลงลายมือชื่ออันแม้จริงของตนไว้ มิใช่ลายมือปลอม รายการในเช็คก็ถูกต้องสมบูรณ์ตามกฎหมาย เพียงแต่ผิดเงื่อนไขที่ตกลงไว้แก่ธนาคารจำเลยลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายไม่มีลายมือชื่อเป็นภาษาอังกฤษด้วย เมื่อธนาคารจำเลยจ่ายเงินไปตามเช็คดังกล่าวโดยมิได้รับความเสียหายจากการที่ธนาคารจำเลยจ่ายเงินไปตามเช็คนั้น ธนาคารจำเลยย่อมมีสิทธิหักเงินจากบัญชีเงินฝากหรือเพิ่มยอมจำนวนหนี้ของห้างหุ้นส่วนจำกัด ร. ได้
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 4/2526)

ย่อยาว

คดีสองสำนวนนี้ศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษารวมกันโดยสำนวนแรกโจทก์ฟ้องว่า ห้างหุ้นส่วนจำกัด ร. จิวเวลรี่ ทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีจากธนาคารจำเลยโดยโจทก์ที่ 1 และโจทก์ที่ 2 ทำสัญญาจำนองที่ดินเป็นประกัน ครั้นวันที่ 31ตุลาคม 2521 ห้างหุ้นส่วนจำกัด ร. จิวเวลรี่ ได้ตกลงกับธนาคารจำเลยเกี่ยวกับการสั่งจ่ายเช็คของห้างฯ ว่า ก. ภายในวงเงิน 60,000 บาท ให้ใช้ตัวอย่างลายมือชื่อแบบหนึ่ง ข. ถ้าเกินวงเงิน 60,000 บาท ให้ใช้ตัวอย่างลายมือชื่ออีกแบบหนึ่งต่อมาธนาคารจำเลยมีหนังสือถึงโจทก์ที่ 2 ให้ชำระหนี้มากกว่าจำนวนหนี้ที่แท้จริงเพราะธนาคารจำเลยได้จ่ายเงินตามเช็ค 2 ฉบับ ซึ่งมีจำนวนเงินเกิน 60,000 บาทผิดไปจากข้อตกลงที่ทำไว้ ซึ่งเป็นความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของธนาคารจำเลย ครั้นวันที่ 11 กันยายน 2522 โจทก์ที่ 2 ได้นำตั๋วแลกเงินพร้อมด้วยเงินสดจำนวน 488,447.95 บาท ไปเพื่อชำระให้แก่ธนาคารจำเลยและขอให้ธนาคารจำเลยจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองที่ดินของโจทก์ทั้งสองด้วย แต่ธนาคารจำเลยไม่ยอมรับชำระหนี้และไม่ยอมจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองให้ขอให้ศาลบังคับ

จำเลยให้การว่า เงื่อนไขการสั่งจ่ายเงินตามเช็คซึ่งมีจำนวนเกินกว่า 60,000บาท ตามข้อ ข. เป็นเรื่องที่ตัวโจทก์ขอเพิ่มอักษรภาษาอังกฤษกำกับลายมือชื่อ โดยอ้างว่าการปลอมลายมือชื่อจะทำได้ยากขึ้น มิใช่เงื่อนไขเพื่อความสมบูรณ์ของการสั่งจ่ายเช็ค แม้ขาดอักษรภาษาอังกฤษกำกับลายมือชื่อก็ไม่มีข้อห้ามมิให้จำเลยต้องไม่จ่ายเงินตามเช็ค จำเลยได้จ่ายเงินตามเช็คไปโดยสุจริตและปราศจากความประมาทเลินเล่อ จึงมีสิทธิหักบัญชีเงินฝากของห้างฯ ได้ จำเลยมิได้เป็นผู้ผิดนัดและไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ ขอให้ยกฟ้อง

สำนวนหลังโจทก์ฟ้องว่า ห้างหุ้นส่วนจำกัด ร. จิวเวลรี่ ได้ทำสัญญากู้เงินเบิกเกินบัญชีกับโจทก์โดยมีจำเลยที่ 2 และที่ 3 จำนองที่ดินไว้เป็นประกัน จำเลยที่ 1 เป็นหนี้โจทก์ถึงวันฟ้องเป็นจำนวน 914,141.17 บาท โจทก์ได้แจ้งให้จำเลยชำระแล้วจำเลยไม่ชำระ ขอให้ศาลพิพากษาบังคับให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้เงินจำนวนดังกล่าวพร้อมด้วยดอกเบี้ย

จำเลยทั้งสามให้การว่า โจทก์ได้ทวงถามให้จำเลยชำระเป็นเงินเกินกว่าจำนวนหนี้ที่แท้จริง เพราะโจทก์จ่ายเงินตามเช็ค 2 ฉบับ ของจำเลยซึ่งสั่งจ่ายเงินเกินกว่า 60,000 บาท ผิดจากตัวอย่างลายมือชื่อที่ให้ไว้ ซึ่งโจทก์ไม่มีอำนาจจ่ายและหักเงินจากบัญชีเงินฝากของจำเลย ขอให้ยกฟ้อง

ชั้นพิจารณาโจทก์จำเลยส่งเอกสารเป็นพยานและแถลงรับข้อเท็จจริงว่ามีข้อตกลงระหว่างโจทก์จำเลยตามฟ้องโจทก์ (สำนวนแรก) เช็คทั้งสองฉบับธนาคารจำเลยได้จ่ายเงินให้แก่ผู้ทรงไปแล้วโดยผิดข้อตกลง การบอกกล่าวบังคับจำนองได้บอกกล่าวโดยชอบแล้ว โดยคู่ความไม่ติดใจสืบพยาน

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ในสำนวนแรก และให้จำเลยทั้งสามในสำนวนหลังชำระเงิน 914,141.17 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย ให้จำเลยที่ 2 ที่ 3ในสำนวนหลังไถ่ถอนจำนองโดยชำระเงินให้ครบถ้วน หากไม่ชำระให้ขายทอดตลาดทรัพย์จำนองชำระหนี้

โจทก์สำนวนแรกและจำเลยสำนวนหลังอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์สำนวนแรกและจำเลยสำนวนหลังฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ห้างฯ ร. จิวเวลรี่ได้ทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีกับธนาคารจำเลย โดยมีโจทก์ที่ 1 (นางจุไรวรรณ) และโจทก์ที่ 2 (นายไพรัตน์)เป็นผู้ค้ำประกัน กับได้จำนองที่ดินไว้เป็นประกันด้วย ต่อมาห้างฯ ร. จิวเวลรี่ ได้เปลี่ยนแปลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คใหม่เป็นว่า ถ้าสั่งจ่ายภายในวงเงิน 60,000บาท ให้ใช้ตามตัวอย่างลายมือชื่อในช่องที่ 1 คือมีลายมือชื่อโจทก์ที่ 2 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการและประทับตราห้างฯ ร. จิวเวลรี่ ถ้าในวงเงินเกินกว่า 60,000 บาทให้ใช้ตามตัวอย่างลายมือชื่อในช่องที่ 2 ซึ่งเหมือนกับช่องที่ 1 แต่เพิ่มลายมือชื่อโจทก์ที่ 2 เป็นภาษาอังกฤษด้วย ต่อมาห้างฯ ร. จิวเวลรี่ ได้ออกเช็คสั่งจ่ายเงินเกิน60,000 บาท โดยใช้ลายมือชื่อสั่งจ่ายตามตัวอย่างในช่องที่ 1 ซึ่งไม่มีลายมือชื่อโจทก์ที่ 2 เป็นภาษาอังกฤษด้วยจำนวน 6 ฉบับ ธนาคารจำเลยได้จ่ายเงินตามเช็คดังกล่าวไปเพียง 2 ฉบับ จำนวนเงิน 89,789 บาท และ 234,000 บาท มีปัญหาว่าธนาคารมีสิทธิหักเงินที่จ่ายไปตามเช็คทั้งสองฉบับจากบัญชีเงินฝากหรือเพิ่มยอดจำนวนหนี้ของห้างฯ ได้หรือไม่

ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่า เช็คตามเอกสารหมาย จ.ล.16 และจ.ล.17 นี้ ผู้สั่งจ่ายได้ลงลายมือชื่ออันแท้จริงของตนไว้ มิใช่ลายมือปลอม รายการในเช็คก็ถูกต้องสมบูรณ์ตามกฎหมายทุกประการไม่มีสิ่งใดบกพร่อง เพียงแต่ผิดเงื่อนไขเล็กน้อยที่ตกลงไว้แก่ธนาคารจำเลยคือไม่มีลายมือชื่อเป็นภาษาอังกฤษของโจทก์ที่ 2 ด้วยเท่านั้น เมื่อธนาคารจำเลยจ่ายเงินไปตามเช็ค 2 ฉบับนี้โดยผู้สั่งจ่ายไม่ได้รับความเสียหายจากการที่ธนาคารจำเลยจ่ายเงินไปตามเช็ค 2 ฉบับนี้ธนาคารจำเลยจึงมีสิทธิหักเงินจากบัญชีเงินฝากหรือเพิ่มยอดจำนวนหนี้ของห้างหุ้นส่วนจำกัด ร. จิวเวลรี่ซึ่งเป็นผู้ออกเช็คสั่งจ่ายเงินตามเช็ค 2 ฉบับนี้ได้

เมื่อธนาคารจำเลยมีสิทธิหักเงินหรือเพิ่มยอดจำนวนหนี้ของห้างฯ ดังกล่าวแล้ว โจทก์ทั้งสองไม่มีสิทธิฟ้องขอให้ธนาคารจำเลยรับชำระหนี้และจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองตามยอดเงินที่โจทก์ทั้งสองฟ้องในสำนวนแรกเพราะโจทก์ขอชำระหนี้ไม่ครบจำนวน และไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายจากธนาคารจำเลยด้วย เพราะธนาคารจำเลยไม่ได้ทำให้โจทก์เสียหายส่วนธนาคารจำเลยนั้นเมื่อคู่ความรับกันว่าได้มีการบอกกล่าวบังคับจำนองโดยชอบแล้วย่อมมีสิทธิฟ้องขอให้ชำระหนี้และบังคับจำนองตามสำนวนหลังได้ตามกฎหมาย

พิพากษายืน

Share