แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ค่าเงินเดือนของพนักงานการไฟฟ้านครหลวงในระหว่างที่ได้รับบาดเจ็บอันเกิดจากการกระทำละเมิดของจำเลย เป็นเหตุให้ไม่สามารถไปประกอบหน้าที่การงานให้แก่การไฟฟ้านครหลวงได้ตามปกติ ถือว่าเป็นค่าขาดแรงงานซึ่งการไฟฟ้านครหลวงมีสิทธิเรียกค่าสินไหมทดแทนในส่วนนี้จากจำเลยได้
ย่อยาว
คดีทั้งสองสำนวนศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษารวมกัน โดยโจทก์ทั้งสองสำนวนฟ้องจำเลยทั้งสองว่า ในวันเกิดเหตุจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นลูกจ้างบริษัทจำเลยที่ 1 ได้ขับรถยนต์โดยสารประจำทางสายบุคคโล-บางลำภูไปตามถนนเจริญนคร จากคลองสานมุ่งไปทางบุคคโลด้วยความเร็วสูงปราศจากความระมัดระวัง โดยไม่ชลอความเร็วให้ช้าลงเมื่อกำลังข้ามสะพานเจริญนคร 8 ครั้นเมื่อถึงเชิงสะพานได้ขับหลบหลุมไปทางซีกขวาของถนน เป็นเหตุให้ชนกับรถจักรยานยนต์เวสป้า 2 ล้อที่นายสุพรรณโจทก์ขับสวนมาอย่างแรง ทำความเสียหายแก่รถจักรยานยนต์และนายสุพรรณได้รับบาดเจ็บสาหัส ศาลแขวงธนบุรีพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 2 ซึ่งรับสารภาพในข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัสตามคดีของศาลดังกล่าว หมายเลขแดงที่ 1466/2506 จำเลยที่ 2 กระทำละเมิดในขณะปฏิบัติหน้าที่การงานของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 จึงต้องร่วมรับผิดด้วยในผลแห่งละเมิดนี้ โจทก์ต้องออกค่าใช้จ่ายเป็นค่าที่พักครึ่งหนึ่งเป็นเงิน 2,100 บาท ค่าอาหาร 820 บาท ค่าผ่าตัดถอดเหล็กออกจากกระดูก 580 บาท และค่าที่โจทก์ถูกทำลายความก้าวหน้าในชีวิตการงานซึ่งโจทก์ขอเรียกเป็นเงิน 30,000 บาท รวมเป็นค่าเสียหายทั้งสิ้น 33,500 บาท ส่วนการไฟฟ้านครหลวง โจทก์ได้รับความเสียหายโดยต้องเสียค่าซ่อมรถจักรยานยนต์เป็นเงิน 2,105 บาท ค่าที่พัก ค่ายารักษาซึ่งต้องจ่ายไปแทนนายสุพรรณ เป็นเงิน 9,391 บาท ค่าเงินเดือนและค่าภาษีเงินได้ของนายสุพรรณโจทก์รวม 3 เดือน 29 วัน ซึ่งการไฟฟ้านครหลวงโจทก์ต้องจ่ายให้แก่นายสุพรรณโดยไม่ได้รับการปฏิบัติตอบแทนจากนายสุพรรณเป็นเงิน 7,390.68 บาท รวมเป็นเงิน ทั้งสิ้น 18,796บาท 68 สตางค์
จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้ว่า จำเลยที่ 2 มิได้ประมาท หากแต่นายสุพรรณโจทก์ขับรถด้วยความเร็วปราศจากความระมัดระวังหลบหลุมบ่อจนบังคับรถไว้ไม่ได้ รถจึงพุ่งเข้าชนรถจำเลยที่ 2 นายสุพรรณโจทก์กระโดดออกจากรถไหฟาดกับพื้นถนนได้รับบาดเจ็บ และรถโจทก์เสียหายเพราะการกระทำของโจทก์เอง การไฟฟ้านครหลวงมีหน้าที่ต้องจ่ายเงินเดือนให้แก่นายสุพรรณระหว่างที่เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่อยู่รวมทั้งระหว่างเจ็บป่วย ภาษีเงินได้ก็เป็นเงินที่การไฟฟ้านครหลวงต้องเสียโดยหักจากเงินเดือนนายสุพรรณ จึงไม่ได้รับความเสียหายจำเลยที่ 1 มิได้รู้เห็นด้วยในการที่จำเลยที่ 2 รับสารภาพในคดีอาญา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 33,500 บาท และ 6,015 บาท แก่นายสุพรรณ และการไฟฟ้านครหลวง โจทก์ตามลำดับ ส่วนเงินเดือนและค่าภาษีเงินได้ เห็นว่า การไฟฟ้านครหลวงมีหน้าที่ต้องจ่ายให้แก่นายสุพรรณอยู่แล้วจึงเรียกไม่ได้ พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวนดังกล่าวแก่โจทก์ทั้งสองสำนวน
การไฟฟ้านครหลวงอุทธรณ์ในจำนวนค่าเสียหาย ส่วนจำเลยทั้งสองอุทธรณ์ว่า เหตุเกิดขึ้นด้วยความประมาทของนายสุพรรณโจทก์ จำเลยทั้งสองไม่ต้องรับผิด
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยที่ 2 ประมาทฝ่ายเดียว และเห็นว่าจำเลยทั้งสองยังต้องใช้ค่าเสียหายที่ยังขาดอยู่อีก 5,271 บาท ส่วนเงินเดือนและค่าภาษีเงินได้ที่การไฟฟ้านครหลวงต้องจ่ายให้นายสุพรรณไปนั้น เป็นเรื่องระหว่างการไฟฟ้านครหลวงกับนายสุพรรณไม่ใช่ค่าเสียหายที่จำเลยทั้งสองจะต้องรับผิดชดใช้พิพากษาแก้ให้จำเลยทั้งสองชำระเงินจำนวนที่ยังขาด 5,271 บาทแก่โจทก์
การไฟฟ้านครหลวงโจทก์ฎีกาให้จำเลยทั้งสองรับผิดชดใช้เงินเดือนและค่าภาษีเงินได้ของนายสุพรรณที่ต้องจ่ายให้ไปโดยการไฟฟ้านครหลวงไม่ได้รับการปฏิบัติงานตอบแทนจากนายสุพรรณระหว่างนั้น ส่วนจำเลยทั้งสองฎีกาว่า มิได้ประมาทจึงไม่ต้องรับผิด และโต้แย้งเฉพาะค่ารักษาพยาบาลจำนวน 5,271 บาท ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ชำระแก่โจทก์อีก
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีสำหรับจำเลยที่ 2 นั้น ปรากฏว่าได้ให้การรับสารภาพไว้ตามคดีอาญาแดงที่ 1466/2506 และถูกพิพากษาลงโทษไปแล้วโดยโทษจำคุกให้รอไว้ ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 ศาลจึงต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 ส่วนฎีกาของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนายจ้างจำเลยที่ 2 ซึ่งยังโต้เถียงอยู่นั้น วินิจฉัยยืนตามศาลล่างทั้งสองว่าจำเลยที่ 2 เป็นฝ่ายประมาทจึงต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ แต่สำหรับค่าสินไหมทดแทนในกรณีค่ารักษาพยาบาลที่จำเลยทั้งสองฎีกาโต้แย้งขึ้นมาว่าการไฟฟ้านครหลวงโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องจากจำเลยได้นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าสำหรับเงินค่ารักษาพยาบาลที่การไฟฟ้านครหลวงโจทก์เรียกร้องนี้ แม้จะฟังว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายที่การไฟฟ้านครหลวงโจทก์ได้จ่ายไปในการรักษาพยาบาลนายสุพรรณ ก็หามีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยทั้งสองชดใช้ให้ไม่เพราะไม่มีกฎหมายให้สิทธิการไฟฟ้านครหลวงโจทก์ที่จะเรียกเงินในส่วนนี้เอาจากจำเลยได้โดยตรง และแม้จะอ้างว่ามีหน้าที่ต้องออกเงินค่ารักษาพยาบาลให้แก่นายสุพรรณ แต่ก็หาได้นำสืบให้ปรากฏไม่ว่า การไฟฟ้านครหลวงมีหน้าที่อย่างใดที่ต้องจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลดังกล่าวให้นายสุพรรณ อันจะถือว่าการไฟฟ้านครหลวงมีความผูกพันร่วมกับนายสุพรรณหรือเพื่อนายสุพรรณในการต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้เห็นว่า ฎีกาจำเลยในส่วนนี้ฟังขึ้น ส่วนฎีกาของการไฟฟ้านครหลวงโจทก์ที่ขอให้จำเลยชดใช้ค่าเงินเดือนและค่าภาษีเงินได้ที่ต้องจ่ายห้แก่นายสุพรรณในระหว่างเจ็บต้องพักรักษาตัวรวม 3 เดือน 29 วัน เป็นเงิน 7,390 บาท 68 สตางค์ นั้น เห็นว่า นายสุพรรณเป็นพนักงานมีหน้าที่ต้องประกอบการงานให้แก่การไฟฟ้านครหลวงโจทก์เป็นประจำการกระทำละเมิดของจำเลยเป็นเหตุให้นายสุพรรณไม่สามารถไปประกอบหน้าที่การงานให้การไฟฟ้านครหลวงได้ตามปกติ เป็นเหตุให้การไฟฟ้านครหลวงขาดประโยชน์จากแรงงานของนายสุพรรณ การไฟฟ้านครหลวงย่อมได้รับความเสียหายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 445 จึงชอบที่จะได้รับค่าสินไหมทดแทนส่วนนี้ด้วยซึ่งเมื่อคิดคำนวณจากเงินเดือนของนายสุพรรณในระหว่างระยะเวลา 3 เดือน 29 วันแล้วเป็นเงินรวม 6,941.66 บาท ส่วนที่ขอให้จำเลยใช้ค่าภาษีเงินได้ที่การไฟฟ้านครหลวงต้องออกให้แก่นายสุพรรณนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า โดยสภาพเงินค่าภาษีเงินได้ไม่ใช่ค่าแรงงาน ทั้งโจทก์ก็มิได้นำสืบให้เห็นเช่นนั้น รวมทั้งมิได้นำสืบถึงจำนวนค่าภาษีดังกล่าวด้วย จึงไม่บังคับให้พิพากษาแก้ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าสินไหมทดแทนเนื่องจากการไฟฟ้านครหลวงโจทก์ต้องขาดแรงงานแก่การไฟฟ้านครหลวงโจทก์อีก 6,941.66 บาท กับดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ ให้ยกฟ้องการไฟฟ้านครหลวงโจทก์ในส่วนที่เกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาลเสียทั้งหมด นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามศาลอุทธรณ์