คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 431/2562

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 1651, 1612 พร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 2 ซึ่งจดทะเบียนจำนองไว้ต่อธนาคาร ท. เพื่อนำออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ตามคำพิพากษา ต่อมาธนาคาร ท. เจ้าหนี้ของจำเลยที่ 2 ในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 43/2548 ของศาลจังหวัดเชียงใหม่ ยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองก่อนเจ้าหนี้อื่น ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ธนาคาร ท. ได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้รายอื่น เมื่อธนาคาร ท. โอนขายสินทรัพย์และสิทธิเรียกร้องต่าง ๆ ที่มีต่อจำเลยที่ 2 ให้แก่ผู้ร้อง ผู้ร้องจึงชอบที่จะขอเข้าสวมสิทธิแทนที่ธนาคาร ท. ตามที่ศาลชั้นต้นเคยมีคำสั่งอนุญาตได้ ประกอบกับผู้ร้องเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่จัดตั้งขึ้นตาม พ.ร.ก.บริษัทบริหารสินทรัพย์ พ.ศ.2541 ซึ่งมาตรา 7 ของ พ.ร.ก. ดังกล่าว บัญญัติว่า ในการโอนสินทรัพย์จากสถาบันการเงินไปให้บริษัทบริหารสินทรัพย์ ถ้ามีการบังคับสิทธิเรียกร้องเป็นคดีอยู่ในศาล ให้บริษัทบริหารสินทรัพย์เข้าสวมสิทธิเป็นคู่ความแทนในคดีดังกล่าว และกรณีที่ศาลได้มีคำพิพากษาบังคับตามสิทธิเรียกร้องแล้ว ก็ให้เข้าสวมสิทธิเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษานั้น ซึ่งบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าวได้กำหนดวิธีพิเศษในการเข้าสวมสิทธิแทนที่ในกรณีที่สถาบันการเงินได้โอนสินทรัพย์ไปให้บริษัทบริหารสินทรัพย์ไว้ว่าให้โอนสิทธิแก่กันได้ ผู้ร้องจึงชอบที่จะเข้าสวมสิทธิแทนธนาคาร ท. ผู้ขอรับชำระหนี้จำนองได้โดยผลของกฎหมายดังกล่าว ส่วนการที่ผู้ร้องจะได้ชำระหนี้ให้แก่ธนาคาร ท. หรือไม่ เพียงใดนั้น เป็นเรื่องระหว่างผู้ร้องและธนาคาร ท. ไม่มีผลทำให้การโอนสิทธิเรียกร้องดังกล่าวเสียไป

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2546 ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ส่งมอบรถยนต์คืนโจทก์ หากคืนไม่ได้ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ราคาและให้ร่วมกันใช้ค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ แต่จำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตาม โจทก์จึงนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 2 ซึ่งจดทะเบียนจำนองไว้กับธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) โจทก์ในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 43/2548 ของศาลจังหวัดเชียงใหม่
ต่อมาธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 43/2548 ของศาลจังหวัดเชียงใหม่ ยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองก่อนเจ้าหนี้รายอื่น ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาต
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้ร้องสวมสิทธิแทนธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะเจ้าหนี้บุริมสิทธิที่จะได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้รายอื่น
ในวันนัดไต่สวนคำร้อง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยที่ 2 เลื่อนคดีและไต่สวนพยานผู้ร้องไป แล้วมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องเข้าสวมสิทธิเป็นเจ้าหนี้ผู้มีสิทธิได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้รายอื่นแทนธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน)
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์คำสั่งที่ไม่อนุญาตให้เลื่อนคดี ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีและกระบวนพิจารณาภายหลังจากนั้นเสีย ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาแล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้นัดไต่สวนคำร้องของผู้ร้อง
จำเลยที่ 2 ยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง
ระหว่างพิจารณา จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายว่า ผู้ร้องมีสิทธิยื่นคำร้องคดีนี้หรือไม่
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับเป็นว่า อนุญาตให้ผู้ร้องสวมสิทธิเข้าเป็นเจ้าหนี้ผู้มีสิทธิได้รับชำระหนี้จำนองก่อนเจ้าหนี้อื่นแทนธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่ได้โต้แย้งกันฟังเป็นยุติว่า หลังจากที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2546 ให้จำเลยที่ 1 ส่งมอบรถยนต์คืนโจทก์ หากคืนไม่ได้ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ราคาและให้ร่วมกันใช้ค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ ต่อมาวันที่ 12 กรกฎาคม 2553 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นจำเลยในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 43/2548 ของศาลจังหวัดเชียงใหม่ ได้รับชำระหนี้จำนองก่อนเจ้าหนี้รายอื่นในคดีนี้ หลังจากนั้นธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ได้ทำสัญญาซื้อขายสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดให้เป็นทรัพย์สินด้อยคุณภาพให้แก่ผู้ร้อง รวมทั้งหนี้ของจำเลยที่ 2 ในคดีของศาลจังหวัดเชียงใหม่ด้วย
ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 2 มีว่า ผู้ร้องมีสิทธิยื่นคำร้องขอเข้าสวมสิทธิเป็นเจ้าหนี้จำนองผู้มีบุริมสิทธิที่จะได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้อื่นแทนธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือไม่ เห็นว่า คดีนี้โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 1651, 1612 ต่อมาธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) เจ้าหนี้ของจำเลยที่ 2 ในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 43/2548 ของศาลจังหวัดเชียงใหม่ ยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองก่อนเจ้าหนี้อื่น ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้รายอื่น เมื่อธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) โอนขายสินทรัพย์และสิทธิเรียกร้องต่าง ๆ ที่มีต่อจำเลยที่ 2 ให้แก่ผู้ร้องแล้ว ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องขอเข้าสวมสิทธิแทนธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นเจ้าหนี้เดิมของจำเลยที่ 2 จึงเป็นกรณีที่ผู้ร้องขอเข้าสวมสิทธิแทนที่ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ผู้ขอรับชำระหนี้จำนองตามที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้มีสิทธิได้รับชำระหนี้จากการขายทอดตลาดก่อนเจ้าหนี้รายอื่น ตามคำสั่งศาลชั้นต้นลงวันที่ 12 กรกฎาคม 2553 เมื่อธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) โอนขายสินทรัพย์และสิทธิเรียกร้องต่าง ๆ ที่มีต่อจำเลยที่ 2 ให้แก่ผู้ร้อง ผู้ร้องจึงชอบที่จะขอเข้าสวมสิทธิแทนที่ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ตามที่ศาลชั้นต้นเคยมีคำสั่งอนุญาตได้ ประกอบกับผู้ร้องเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชกำหนดบริษัทบริหารสินทรัพย์ พ.ศ.2541 ซึ่งตามมาตรา 7 ของพระราชกำหนดดังกล่าวบัญญัติว่า ในการโอนสินทรัพย์จากสถาบันการเงินไปให้บริษัทบริหารสินทรัพย์ ถ้ามีการบังคับสิทธิเรียกร้องเป็นคดีอยู่ในศาล ให้บริษัทบริหารสินทรัพย์เข้าสวมสิทธิเป็นคู่ความแทนในคดีดังกล่าว และในกรณีที่ศาลได้มีคำพิพากษาบังคับตามสิทธิเรียกร้องนั้นแล้ว ก็ให้เข้าสวมสิทธิเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษานั้น ซึ่งบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าวได้กำหนดวิธีการพิเศษในการเข้าสวมสิทธิแทนที่ในกรณีที่สถาบันการเงินได้โอนสินทรัพย์ไปให้บริษัทบริหารสินทรัพย์ไว้ว่าให้โอนสิทธิแก่กันได้ ผู้ร้องจึงชอบที่จะเข้าสวมสิทธิแทนที่ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ผู้ขอรับชำระหนี้จำนองได้โดยผลของกฎหมายดังกล่าว ส่วนการที่ผู้ร้องจะได้ชำระหนี้ให้แก่ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือไม่ เพียงใด ตามที่จำเลยที่ 2 ฎีกามานั้น เป็นเรื่องระหว่างผู้ร้องและธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ไม่มีผลทำให้การโอนสิทธิเรียกร้องดังกล่าวเสียไป ที่ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 2 ทุกข้อฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ

Share