คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6661/2560

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ในวันเกิดเหตุ จำเลยที่ 4 ไม่ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 3 ในการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่ดาบตำรวจ ส. กับสายลับ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันดังกล่าวก็สืบเนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนวันเกิดเหตุหนึ่งวันซึ่งจำเลยที่ 1 และที่ 4 ร่วมกันเจรจากับดาบตำรวจ ส. และสายลับในการซื้อขายเมทแอมเฟตามีน โดยนัดหมายกันส่งมอบในวันเกิดเหตุ การกระทำของจำเลยที่ 4 จึงเป็นการแบ่งหน้าที่กันทำระหว่างจำเลยที่ 4 และจำเลยที่ 1 แม้จำเลยที่ 4 ไม่เคยรู้จักกับจำเลยที่ 2 และที่ 3 มาก่อน รวมทั้งไม่ได้อยู่ด้วยในการส่งมอบเมทแอมเฟตามีน ก็ถือได้ว่าเป็นตัวการร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 3 ในการมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสี่ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 83 ริบของกลาง
จำเลยที่ 1 และที่ 3 ให้การรับสารภาพ
จำเลยที่ 2 และที่ 4 ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสี่มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่งและวรรคสาม (2), 66 วรรคสาม ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 เมทแอมเฟตามีนที่จำเลยทั้งสี่ร่วมกันมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและร่วมกันจำหน่ายเป็นจำนวนเดียวกัน การกระทำของจำเลยทั้งสี่จึงเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ซึ่งแต่ละบทมีโทษเท่ากัน จึงให้ลงโทษฐานร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนแต่เพียงกระทงเดียว ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุกจำเลยทั้งสี่ตลอดชีวิตและปรับคนละ 3,000,000 บาท จำเลยที่ 1 และที่ 3 ให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ส่วนจำเลยที่ 2 และที่ 4 ทางนำสืบเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้จำเลยที่ 1 และที่ 3 คนละกึ่งหนึ่ง ลดโทษให้จำเลยที่ 2 และที่ 4 คนละหนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 คงจำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 3 คนละ 25 ปี และปรับคนละ 1,500,000 บาท คงจำคุกจำเลยที่ 2 และที่ 4 คนละ 33 ปี 4 เดือน และปรับคนละ 2,000,000 บาท หากจำเลยทั้งสี่ไม่ชำระค่าปรับ ให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 โดยให้กักขังแทนค่าปรับไม่เกินหนึ่งปี ริบของกลาง
จำเลยที่ 2 และที่ 4 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดพิพากษาแก้เป็นว่า เฉพาะจำเลยที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่งและวรรคสาม (2), 66 วรรคสาม ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86, 53 การกระทำของจำเลยที่ 2 เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 แต่ละบทมีโทษเท่ากันให้ลงโทษฐานสนับสนุนให้จำหน่ายเมทแอมเฟตามีน ลดมาตราส่วนโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 จำคุก 22 ปี 2 เดือน 20 วัน และปรับ 1,333,333.33 บาท ทางนำสืบของจำเลยที่ 2 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดีอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 14 ปี 9 เดือน 23 วัน และปรับ 888,888.88 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 4 ฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังเป็นที่ยุติในชั้นนี้ว่า เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2555 เวลาประมาณ 11 นาฬิกา จำเลยที่ 1 และที่ 4 เดินทางไปที่ศูนย์การค้าอิมพีเรียลเวิลด์ ลาดพร้าว พบและพูดคุยกับดาบตำรวจ สุเทพกับสายลับ วันที่ 5 พฤษภาคม 2555 เวลา 11.30 นาฬิกา จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมเดินทางไปที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว พบและพูดคุยกับดาบตำรวจ สุเทพกับสายลับที่ร้านเคเอฟซีภายในศูนย์อาหารที่ชั้นใต้ดิน จำเลยที่ 1 ขอดูเงินที่จะซื้อเมทแอมเฟตามีน ดาบตำรวจ สุเทพส่งกระเป๋าซึ่งภายในบรรจุธนบัตรจำนวน 1,800,000 บาท ให้จำเลยที่ 1 ดู เมื่อดูแล้วจำเลยที่ 1 บอกว่าให้ออกไปรับของข้างนอก แล้วจำเลยที่ 1 เดินออกจากศูนย์การค้าไปพร้อมกับสายลับ ส่วนจำเลยที่ 2 นั่งอยู่กับดาบตำรวจ สุเทพ จำเลยที่ 1 เดินออกไปทางด้านถนนพหลโยธินถึงป้ายรถโดยสารประจำทาง จำเลยที่ 3 เดินเข้ามาพูดคุยกับจำเลยที่ 1 และสายลับแล้วส่งมอบกระเป๋าเป้สะพายสีดำให้สายลับเปิดดูพบว่าเป็นเมทแอมเฟตามีนจึงส่งสัญญาณให้ร้อยตำรวจโท ชูชีพ กับพวกร่วมกันจับกุม และเห็นจำเลยที่ 4 อยู่บริเวณสวนหย่อมอีกฝั่งของถนนจึงจับกุมจำเลยที่ 4 ไปด้วย ในการจับกุมยึดได้เมทแอมเฟตามีน 20,000 เม็ด โทรศัพท์เคลื่อนที่ กระเป๋าเป้สะพายสีดำ 1 ใบ ชั้นสอบสวนจำเลยที่ 1และที่ 3 ให้การรับสารภาพ ส่วนจำเลยที่ 2 และที่ 4 ให้การปฏิเสธ ส่งเมทแอมเฟตามีนไปตรวจพิสูจน์ผลเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 333.319 กรัม
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 4 เพียงว่า จำเลยที่ 4 ร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 3 กระทำความผิดตามที่โจทก์ฟ้องหรือไม่ โจทก์มีร้อยตำรวจโท ชูชีพ และดาบตำรวจ สุเทพ เป็นพยานเบิกความในทำนองเดียวกันว่า เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2555 ร้อยตำรวจโท ชูชีพได้รับแจ้งจากสายลับว่าจำเลยที่ 1 และที่ 4 สามารถจัดหาเมทแอมเฟตามีนชนิดเกล็ดมาจำหน่ายแก่สายลับได้ จำนวน 1 กิโลกรัม เป็นเงิน 1,500,000 บาท วันที่ 4 พฤษภาคม 2555 จำเลยที่ 1 และที่ 4 ติดต่อสายลับให้นำเงินไปให้ดูที่ศูนย์การค้าอิมพีเรียลเวิลด์ ลาดพร้าว ในเวลา 11 นาฬิกา ร้อยตำรวจโท ชูชีพจึงวางแผนให้สายลับและดาบตำรวจ สุเทพเดินทางไปสถานที่นัดหมายตามกำหนดเพื่อให้จำเลยที่ 1 และที่ 4 ตรวจสอบดูเงิน จำเลยที่ 1 และที่ 4 แจ้งแก่สายลับและดาบตำรวจ สุเทพว่าเมทแอมเฟตามีนชนิดเกล็ดไม่มี แต่มีเมทแอมเฟตามีนชนิดเม็ด จำนวน 10 มัด ประมาณ 20,000 เม็ด รวมเป็นเงิน 1,800,000 บาท นัดส่งมอบที่ร้านเคเอฟซี ชั้นใต้ดินของศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว ในวันที่ 5 พฤษภาคม 2555 เวลา 11.30 นาฬิกา ต่อมาวันที่ 5 พฤษภาคม 2555 เวลา 8.30 นาฬิกา ร้อยตำรวจโท ชูชีพประชุมวางแผนล่อซื้อและจับกุม โดยนำธนบัตรที่จะใช้ล่อซื้อไปลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน แล้วมอบให้ดาบตำรวจ สุเทพไปดำเนินการพร้อมกับสายลับ ดาบตำรวจ สุเทพและสายลับเดินทางไปถึงร้านเคเอฟซี ในเวลาประมาณ 11 นาฬิกา โดยร้อยตำรวจโท ชูชีพซุ่มอยู่นอกร้านเคเอฟซี ต่อมาเวลา 11.30 นาฬิกา จำเลยที่ 1 และที่ 2 มาถึงที่ร้านเคเอฟซี หลังจากได้พูดคุยกัน จำเลยที่ 1 ขอดูเงิน ดาบตำรวจ สุเทพจึงส่งกระเป๋าให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ดูเงิน จากนั้นจำเลยที่ 1 และสายลับได้เดินทางออกจากร้านเคเอฟซีไป และมีการจับกุมจำเลยทั้งสี่ในเวลาต่อมา พร้อมยึดเมทแอมเฟตามีนของกลาง และโจทก์ยังมีพันตำรวจโท ประเด็จ พนักงานสอบสวนเป็นพยานเบิกความว่า ร้อยตำรวจโท ชูชีพกับพวกจับกุมจำเลยทั้งสี่พร้อมเมทแอมเฟตามีน 20,000 เม็ด กระเป๋าเป้สะพายสีดำ และโทรศัพท์เคลื่อนที่ 5 เครื่อง พร้อมสำเนาภาพถ่ายธนบัตรที่ใช้ล่อซื้อมามอบให้พันตำรวจโท ประเด็จทำการสอบสวน ชั้นสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาต่อจำเลยทั้งสี่ว่า ร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำเลยที่ 1 และที่ 3 ให้การรับสารภาพ ส่วนจำเลยที่ 2 และที่ 4 ให้การปฏิเสธ เห็นว่า ดาบตำรวจ สุเทพปลอมตัวร่วมไปกับสายลับ จึงมีโอกาสพูดคุยและอยู่ใกล้ชิดกับจำเลยที่ 1 และที่ 4 ซึ่งจำเลยที่ 4 นำสืบรับว่า ในวันดังกล่าวจำเลยที่ 4 ได้ไปพบจำเลยที่ 1 ที่ศูนย์การค้าอิมพีเรียลเวิลด์ ลาดพร้าว ระหว่างนั่งรับประทานอาหาร มีเพื่อนของจำเลยที่ 1 เข้ามาพูดคุยกับจำเลยที่ 1 จึงเจือสมกับพยานโจทก์ทั้งสอง ทำให้มีน้ำหนักรับฟังได้มากยิ่งขึ้น ในระหว่างนั้นมีการขอดูเงินและพูดคุยรายละเอียดของเมทแอมเฟตามีนที่จะซื้อขาย ตลอดจนนัดหมายส่งมอบเงินและเมทแอมเฟตามีนกันที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว ในวันรุ่งขึ้น จำเลยที่ 4 ซึ่งนั่งอยู่ด้วยย่อมต้องได้ยินและรู้เห็นว่าดาบตำรวจ สุเทพกับสายลับและจำเลยที่ 1 พูดคุยอะไรกัน นอกจากนี้ตามบันทึกคำให้การของผู้ต้องหา ซึ่งเป็นคำให้การของจำเลยที่ 1 ในชั้นสอบสวน ก็ระบุไว้ว่า จำเลยที่ 4 เป็นผู้ติดต่อจำเลยที่ 1 เพื่อสอบถามว่า จำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนจำหน่ายหรือไม่ และนัดหมายกันไปพบดาบตำรวจ สุเทพกับสายลับเพื่อขอดูเงิน พยานหลักฐานโจทก์จึงรับฟังได้ปราศจากข้อสงสัยว่า จำเลยที่ 4 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ในการเจรจาซื้อขายเมทแอมเฟตามีนให้แก่ดาบตำรวจ สุเทพกับสายลับ ส่วนที่จำเลยที่ 4 กล่าวอ้างในฎีกาว่า ตามรายงานประจำวันธุรการ ระบุเพียงว่า สายลับสามารถล่อซื้อยาเสพติดได้จากชาวเขาเผ่าม้ง ทางหมายเลขโทรศัพท์ 08 5107 XXXX ซึ่งเป็นหมายเลขโทรศัพท์ของจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 1 ได้ใช้โทรศัพท์หมายเลขดังกล่าวโทรศัพท์หาบุคคลอื่นหลายคนไม่เฉพาะจำเลยที่ 4 และไม่มีการนำสายลับเข้าเบิกความ รวมทั้งหลังจากมีการพูดคุยกันแล้ว เจ้าพนักงานตำรวจติดตามจำเลยที่ 1 ไปถึงที่พัก โดยมิได้ติดตามจำเลยที่ 4 แสดงว่าจำเลยที่ 4 มิได้เกี่ยวข้องด้วย เห็นว่า ข้อกล่าวอ้างของจำเลยที่ 4 ดังกล่าวเป็นเพียงรายละเอียดปลีกย่อย โดยสาระสำคัญอยู่ที่ว่า ในวันดังกล่าวจำเลยที่ 4 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ในการเจรจาซื้อขายเมทแอมเฟตามีนให้แก่ดาบตำรวจ สุเทพกับสายลับหรือไม่ ซึ่งตามฎีกาของจำเลยที่ 4 ก็มิได้โต้แย้งว่า ในวันดังกล่าวจำเลยที่ 4 ไม่ทราบเรื่องที่จำเลยที่ 1 พูดคุยกับดาบตำรวจ สุเทพและสายลับ และจำเลยที่ 4 ไม่ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 ตรวจดูเงินในกระเป๋า ฎีกาของจำเลยที่ 4 ในส่วนนี้ จึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟังหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้ว่าจำเลยที่ 4 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ในการตรวจดูเงิน และเจรจาซื้อขายเมทแอมเฟตามีน ส่วนที่จำเลยที่ 4 กล่าวอ้างในฎีกาว่า ในวันที่ 5 พฤษภาคม 2555 จำเลยที่ 4 ไม่ได้มีส่วนร่วมกับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ในการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่ดาบตำรวจ สุเทพกับสายลับ จำเลยที่ 4 จึงไม่ต้องร่วมรับผิด เห็นว่า แม้ในวันที่ 5 พฤษภาคม 2555 จำเลยที่ 4 มิได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 3 ในการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่ดาบตำรวจ สุเทพกับสายลับ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันดังกล่าวก็สืบเนื่องจากเหตุการณ์ในวันที่ 4 ซึ่งจำเลยที่ 1 และที่ 4 ร่วมกันเจรจากับดาบตำรวจ สุเทพและสายลับ ในการซื้อขายยาเสพติด โดยนัดหมายกันส่งมอบในวันรุ่งขึ้น การกระทำของจำเลยที่ 4 จึงเป็นการแบ่งหน้าที่กันทำระหว่างจำเลยที่ 4 และจำเลยที่ 1 แม้จำเลยที่ 4 ไม่เคยรู้จักกับจำเลยที่ 2 และที่ 3 มาก่อน รวมทั้งไม่ได้อยู่ด้วยในการส่งมอบเมทแอมเฟตามีน ก็ถือได้ว่า เป็นตัวการร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 3 ในการมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่าย ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้น ชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยที่ 4 ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share