คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9179/2559

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บริษัท ธ. ถูกศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้วในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่าผู้ร้องและผู้คัดค้านที่ 1 เป็นกรรมการของบริษัท ธ. แต่เมื่อบริษัท ธ. ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้ว อำนาจในการจัดการทรัพย์สินหรือกระทำการใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินหรือกิจการของบริษัทดังกล่าวย่อมตกอยู่แก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่เพียงผู้เดียวตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 22 และมาตรา 24 ไม่อยู่ในวิสัยที่ผู้ร้อง ผู้คัดค้านที่ 1 หรือบุคคลกลางอื่น เช่น เจ้าพนักงานบังคับคดี จะเข้าจัดการทรัพย์สินของบริษัทเพื่อชำระบัญชีได้อีกต่อไป อันเป็นกรณีที่กรรมการของบริษัทไม่อาจเข้าเป็นผู้ชำระบัญชีได้ จึงเห็นสมควรตั้งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ให้เป็นผู้ชำระบัญชีของบริษัทตาม ป.พ.พ. มาตรา 1251 วรรคสอง เมื่อไม่ปรากฏข้อเท็จจริงในชั้นนี้ว่าบริษัทดังกล่าวเป็นบริษัทซึ่งล้มละลายที่การชำระบัญชีจะต้องจัดทำไปตามบทกฎหมายลักษณะล้มละลายตามมาตรา 1247 วรรคหนึ่ง กรณีจึงไม่มีเหตุที่จะต้องยกคำร้องขอของผู้ร้องเพื่อบังคับคดีไปตามบทกฎหมายลักษณะล้มละลายตามที่ผู้คัดค้านที่ 1 ฎีกา

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอขอให้มีคำสั่งเลิกบริษัทธารา สแควร์ อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด และตั้งผู้ร้องเป็นผู้ชำระบัญชี
ผู้คัดค้านทั้งสองยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เลิกบริษัทธารา สแควร์ อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด และตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นผู้ชำระบัญชี
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ตั้งผู้ร้องและผู้คัดค้านที่ 1 ร่วมกันเป็นผู้ชำระบัญชีของบริษัทธารา สแควร์ อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำสั่งศาลชั้นต้น
ผู้คัดค้านที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจวินิจฉัยว่า ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้คัดค้านที่ 1 มีว่า ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ตั้งผู้ร้องและผู้คัดค้านที่ 1 ร่วมกันเป็นผู้ชำระบัญชีของบริษัทธารา สแควร์ อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด ชอบหรือไม่ และกรณีมีเหตุที่จะยกคำร้องขอของผู้ร้องเพื่อบังคับคดีไปตามบทกฎหมายลักษณะล้มละลายหรือไม่ โดยผู้คัดค้านที่ 1 ฎีกาว่า บริษัทดังกล่าวถูกศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้วเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2555 ตามคดีหมายเลขแดงที่ ล.4162/2555 ของศาลล้มละลายกลาง ไม่มีหนทางที่ผู้ร้องหรือผู้คัดค้านที่ 1 จะเข้าชำระบัญชีได้อย่างแน่แท้ และในที่สุดศาลล้มละลายกลางก็จะต้องมีคำพิพากษาให้เป็นบริษัทซึ่งล้มละลายเพราะไม่สามารถขอประนอมหนี้ในคดีล้มละลายได้ ขอให้ยกคำร้องขอของผู้ร้องเพื่อบังคับคดีไปตามคดีล้มละลาย นั้น เห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2553 และศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2555 เมื่อพิเคราะห์สำเนาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเอกสารท้ายฎีกาซึ่งมีเจ้าพนักงานศาลยุติธรรมชำนาญการลงลายมือชื่อรับรองสำเนาถูกต้องมาด้วยประกอบกับมีการโฆษณาประกาศเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เรื่อง คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดซึ่งปรากฏรายชื่อลูกหนี้ในคดีหมายเลขแดงที่ ล.4162/2555 ของศาลล้มละลายกลางลงในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 129 ตอนที่ 105 ง หน้า 144 เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2555 แล้ว น่าเชื่อว่าบริษัทดังกล่าวถูกศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้วในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่าผู้ร้องและผู้คัดค้านที่ 1 เป็นกรรมการของบริษัทดังกล่าว แต่เมื่อบริษัทดังกล่าวถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้วอำนาจในการจัดการทรัพย์สินหรือการกระทำใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินหรือกิจการของบริษัทดังกล่าวย่อมตกอยู่แก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่เพียงผู้เดียวตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 22 และมาตรา 24 ไม่อยู่ในวิสัยที่ผู้ร้อง ผู้คัดค้านที่ 1 หรือบุคคลกลางอื่น เช่น เจ้าพนักงานบังคับคดีจะเข้าจัดการทรัพย์สินของบริษัทดังกล่าวเพื่อชำระบัญชีได้อีกต่อไป อันเป็นกรณีที่กรรมการของบริษัทไม่อาจเข้าเป็นผู้ชำระบัญชีได้ จึงเห็นสมควรตั้งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ กรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม ให้เป็นผู้ชำระบัญชีของบริษัทดังกล่าวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1251 วรรคสอง เมื่อไม่ปรากฏข้อเท็จจริงในชั้นนี้ว่าบริษัทดังกล่าวเป็นบริษัทซึ่งล้มละลายที่การชำระบัญชีจะต้องจัดทำไปตามบทกฎหมายลักษณะล้มละลายตามมาตรา 1247 วรรคหนึ่ง กรณีจึงไม่มีเหตุที่จะต้องยกคำร้องขอของผู้ร้องตามที่ผู้คัดค้านที่ 1 ฎีกา ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ตั้งผู้ร้องและผู้คัดค้านที่ 1 ร่วมกันเป็นผู้ชำระบัญชีของบริษัทดังกล่าวมานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของผู้คัดค้านที่ 1 ฟังขึ้นบางส่วน
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ตั้งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ กรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม เป็นผู้ชำระบัญชีของบริษัทธารา สแควร์ อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share