คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2661/2559

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้เจ้าของลิขสิทธิ์ในคดีนี้กับในคดีหมายเลขแดงที่ อ.4061/2557 ดังกล่าวไม่ได้เป็นบุคคลเดียวกัน และงานอันมีลิขสิทธิ์เป็นคนละชิ้นกัน แต่การกระทำของจำเลยคือ การเผยแพร่ต่อสาธารณชนโดยจำเลยรู้อยู่แล้วหรือมีเหตุอันควรรู้ว่าเป็นงานดนตรีกรรมที่ได้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นและกระทำแก่งานนั้นเพื่อหากำไร อันเป็นการกระทำและเป็นความผิดในลักษณะเดียวกัน การที่งานอันละเมิดลิขสิทธิ์ของทั้งผู้เสียหายและบริษัท ส. จัดเก็บอยู่ในหน่วยเก็บความจำหลักของเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่ร้าน ด. เช่นเดียวกัน และจำเลยละเมิดลิขสิทธิ์โดยการเผยแพร่ต่อสาธารณชนด้วยวิธีการอย่างเดียวกันคือ การเปิดเพลงเป็นคาราโอเกะโดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ประเภทมิดี้ไฟล์ที่มีการทำซ้ำดัดแปลงลงไว้ภายในหน่วยเก็บความจำหลักของคอมพิวเตอร์ อีกทั้งเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยในวันเวลาเดียวกัน เท่ากับว่าจำเลยมีเจตนาเดียวกันในการกระทำความผิด การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำกรรมเดียว ส่วนการทำซ้ำหรือดัดแปลงเพลงต่าง ๆ แม้กระทำต่างเวลากัน ก็ไม่เกี่ยวข้องกับการเผยแพร่ต่อสาธารณชนซึ่งเป็นการกระทำความผิดตามฟ้องแต่อย่างใด นอกจากนี้การพิจารณาการกระทำของจำเลยว่าเป็นความผิดกรรมเดียวหรือต่างกรรมกัน ต้องพิจารณาเจตนาในการกระทำผิดเป็นสำคัญ หาได้พิจารณาจากการเปิดเพลงในแต่ละครั้งไม่ โจทก์จึงไม่มีสิทธินำคดีมาฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานนี้อีกเพราะเป็นความผิดกรรมเดียวกับคดีดังกล่าว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 4, 6, 15, 27, 29, 31, 69, 70 และ 76 กับสั่งจ่ายเงินค่าปรับให้แก่เจ้าของลิขสิทธิ์
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่โจทก์และจำเลยไม่โต้แย้งกันในชั้นอุทธรณ์รับฟังว่า บริษัทเมโทรแผ่นเสียง-เทป (1981) จำกัด ผู้เสียหายคดีนี้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในทำนองและคำร้องเพลงชื่อ “ค่าน้ำนม” “มนต์รักแม่กลอง” และ “มนต์เมืองเหนือ” ซึ่งเป็นงานดนตรีกรรมอันมีลิขสิทธิ์ ส่วนบริษัทเสียงสยาม แผ่นเสียง-เทป จำกัด ผู้เสียหายในคดีหมายเลขแดงที่ อ.4061/2557 ของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในทำนองและคำร้องเพลงชื่อเมียไม่มีไม่เจอ มีเมียเด็ก และหนุ่มวัยทอง ซึ่งเป็นงานดนตรีกรรมอันมีลิขสิทธิ์ เจ้าพนักงานตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองชุมพรจับกุมจำเลยในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ผู้อื่นเพื่อการค้า โดยการทำซ้ำหรือดัดแปลงและเผยแพร่ต่อสาธารณชน ซึ่งงานโสตทัศนวัสดุโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ เหตุเกิดที่ร้านเดอะร็อค คาราโอเกะ จังหวัดชุมพร ต่อมาโจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง เป็นคดีหมายเลขแดงที่ อ.4061/2557 โดยบรรยายฟ้องว่า เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2556 เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยละเมิดลิขสิทธิ์ในงานสร้างสรรค์ประเภทงานดนตรีกรรม เพลง “เมียไม่มีไม่เจอ” เพลง “มีเมียเด็ก” และเพลง “หนุ่มวัยทอง” ของบริษัทเสียงสยาม แผ่นเสียง-เทป จำกัด โดยการเปิดเพลงดังกล่าวเป็นคาราโอเกะโดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ประเภทมิดี้ไฟล์ที่มีการทำซ้ำ ดัดแปลงลงไว้ภายในหน่วยเก็บความจำหลักของคอมพิวเตอร์ ซึ่งบันทึกเสียงเนื้อร้องและทำนองเพลงไว้แล้ว ออกเผยแพร่ต่อสาธารณชนที่ร้าน ด. จังหวัดชุมพร โดยเปิดบริการคาราโอเกะแก่ลูกค้าซึ่งเป็นสาธารณชนผู้บริโภคอาหารเครื่องดื่มภายในร้านได้ร้องเพลงได้ฟังเสียงเพลง ทำนองเพลงและเห็นเนื้อร้องของเพลง อันเป็นการกระทำเพื่อแสวงหากำไรในทางการค้า จากการเผยแพร่ต่อสาธารณชน โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ของบริษัทเสียงสยาม แผ่นเสียง-เทป จำกัด และโดยไม่ได้รับอนุญาตจากบริษัทอันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 70 วรรคสอง ประกอบมาตรา 31 (2) พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีประกอบกับไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงเห็นสมควรให้โอกาสจำเลยกลับตัวเป็นพลเมืองดี โดยให้รอการกำหนดโทษไว้มีกำหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ส่วนที่โจทก์ขอให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีอาญาหมายเลขดำที่ ศปก.15/2557 ของศาลจังหวัดชุมพร (คดีหมายเลขแดงที่ อ.4062/2557 ของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง) นั้น เนื่องจากคดีหมายเลขแดงที่ อ.4062/2557 ศาลมิได้ลงโทษจำคุกจำเลย จึงไม่อาจนับโทษต่อได้ ให้ยกคำขอให้นับโทษต่อและคำขออื่น คดีดังกล่าวถึงที่สุดแล้ว ต่อมาโจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้โดยบรรยายฟ้องทำนองเดียวกับคดีหมายเลขแดงที่ อ.4061/2557 ของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง แตกต่างกันเพียงจำเลยละเมิดลิขสิทธิ์ในงานสร้างสรรค์ประเภทงานดนตรีกรรม เพลงค่าน้ำนม เพลงมนต์รักแม่กลองและเพลงมนต์เมืองเหนือของผู้เสียหายในคดีนี้
มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า คำฟ้องของโจทก์คดีนี้เป็นฟ้องซ้ำกับคดีหมายเลขแดงที่ อ.4061/2557 ของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางหรือไม่ โดยโจทก์อุทธรณ์ทำนองว่า การกระทำของจำเลยในคดีนี้กับในคดีหมายเลขแดงที่ อ.4061/2557 ของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง เป็นการกระทำต่องานอันมีลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายต่างราย ต่างเวลาและต่างเพลงกัน การที่จะสามารถรู้ได้ว่าละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายรายใดต้องเข้าใช้บริการและตรวจสอบหน่วยความจำของเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะพบว่ามีการบันทึก ทำซ้ำ หรือดัดแปลงคนละช่วงเวลา เพราะเป็นคนละเพลงกัน อีกทั้งในการเผยแพร่ต่อสาธารณชน ต้องเปิดเพลงต่างเวลากัน มิใช่เปิดในเวลาเดียวกัน การกระทำของจำเลยในคดีนี้กับคดีหมายเลขแดงที่ อ.4061/2557 ของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางจึงต่างกรรมกัน เห็นว่า แม้เจ้าของลิขสิทธิ์ในคดีนี้กับในคดีหมายเลขแดงที่ อ.4061/2557 ไม่ได้เป็นบุคคลเดียวกันและงานอันมีลิขสิทธิ์เป็นคนละชิ้นกัน แต่การกระทำของจำเลยคือ การเผยแพร่ต่อสาธารณชนโดยจำเลยรู้อยู่แล้วหรือมีเหตุอันควรรู้ว่าเป็นงานดนตรีกรรมที่ได้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นและกระทำแก่งานนั้นเพื่อหากำไร อันเป็นการกระทำและเป็นความผิดในลักษณะเดียวกัน การที่งานอันละเมิดลิขสิทธิ์ของทั้งผู้เสียหายและบริษัทเสียงสยาม แผ่นเสียง-เทป จำกัด จัดเก็บอยู่ในหน่วยเก็บความจำหลักของเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่ร้าน ด. เช่นเดียวกัน และจำเลยละเมิดลิขสิทธิ์โดยการเผยแพร่ต่อสาธารณชนด้วยวิธีการอย่างเดียวกันคือ การเปิดเพลงเป็นคาราโอเกะโดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ประเภทมิดี้ไฟล์ที่มีการทำซ้ำดัดแปลงลงไว้ภายในหน่วยเก็บความจำหลักของคอมพิวเตอร์ อีกทั้งเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยในวันเวลาเดียวกัน เท่ากับว่าจำเลยมีเจตนาเดียวกันในการกระทำความผิด การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำกรรมเดียว ส่วนการทำซ้ำหรือดัดแปลงเพลงต่าง ๆ แม้กระทำต่างเวลากัน ก็ไม่เกี่ยวข้องกับการเผยแพร่ต่อสาธารณชนซึ่งเป็นการกระทำความผิดตามฟ้องแต่อย่างใด นอกจากนี้การพิจารณาการกระทำของจำเลยว่าเป็นความผิดกรรมเดียวหรือต่างกรรมกัน ต้องพิจารณาเจตนาในการกระทำผิดเป็นสำคัญ หาได้พิจารณาจากการเปิดเพลงในแต่ละครั้งไม่ เหตุผลของโจทก์จึงฟังไม่ขึ้น เมื่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์โดยเผยแพร่ต่อสาธารณชนเพื่อหากำไร โดยรู้อยู่แล้วหรือมีเหตุอันควรรู้ว่างานนั้นได้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นไปแล้ว ตามคดีหมายเลขแดงที่ อ.4061/2557 ของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง โจทก์จึงไม่มีสิทธินำคดีมาฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานนี้อีกเพราะเป็นความผิดกรรมเดียวกับคดีดังกล่าว สิทธิที่โจทก์จะนำคดีมาฟ้องสำหรับความผิดนั้นเป็นอันระงับไป ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 26 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (4) การที่โจทก์นำการกระทำเดียวกันของจำเลยมาฟ้องเป็นคดีนี้อีกจึงเป็นฟ้องซ้ำกับคดีหมายเลขแดงที่ อ.4061/2557 ของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ตามบทบัญญัติของกฎหมาย ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษายกฟ้องนั้น ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศเห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share