คำวินิจฉัยที่ 59/2559

แหล่งที่มา : ส่วนเลขานุการคณะกรรมการวินิจฉัยฯ

ย่อสั้น

คดีที่เอกชนยื่นฟ้องเจ้าหน้าที่ของรัฐ ขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเพิกถอน นสล. ในส่วนที่ออกทับที่ดินของผู้ฟ้องคดีและเพิกถอนคำสั่งให้ผู้ฟ้องคดีออกจากที่ดินพิพาท โดยอ้างว่าผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองออก นสล. ทับซ้อนกับที่ดินของผู้ฟ้องคดี เป็นคดีที่ผู้ฟ้องคดีขอให้รับรองคุ้มครองสิทธิในที่ดินที่พิพาทของผู้ฟ้องคดีเป็นสำคัญ จึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน อันอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม

ย่อยาว

(สำเนา)

คำวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
ที่ ๕๙/๒๕๕๙

วันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๙

เรื่อง คดีเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน

ศาลปกครองกลาง
ระหว่าง
ศาลจังหวัดชัยนาท

การส่งเรื่องต่อคณะกรรมการ
ศาลปกครองกลางโดยสำนักงานศาลปกครองส่งเรื่องให้คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาลวินิจฉัยชี้ขาดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๐ วรรคหนึ่ง (๓) ซึ่งเป็นกรณีคู่ความฝ่ายที่ถูกฟ้องโต้แย้งเขตอำนาจศาลที่รับฟ้องคดีและศาลที่ส่งความเห็นและศาลที่รับความเห็นมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องเขตอำนาจศาลในคดีนั้น

ข้อเท็จจริงในคดี
เมื่อวันที่ ๘ เมษายน ๒๕๕๘ นายนงค์ คชอินทร์ ผู้ฟ้องคดี ยื่นฟ้อง อธิบดีกรมที่ดิน ที่ ๑ นายอำเภอหนองมะโมง ที่ ๒ ผู้ถูกฟ้องคดี ต่อศาลปกครองกลาง เป็นคดีหมายเลขดำที่ ๗๕๔/๒๕๕๘ ความว่า นายเพี้ยน คชอินทร์ บิดาของผู้ฟ้องคดีได้ซื้อที่ดินจากผู้มีชื่อ และได้รับหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓ ก.) เลขที่ ๒๐ ตำบลสะพานหิน (กุดจอก) กิ่งอำเภอหนองมะโมง (วัดสิงห์) จังหวัดชัยนาท ซึ่งออกให้เมื่อวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๗ ผู้ฟ้องคดีและบิดาได้เข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินร่วมกัน ต่อมาเมื่อวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๔๘ บิดาของผู้ฟ้องคดีได้แบ่งแยกที่ดินพิพาทให้แก่ผู้ฟ้องคดี เนื้อที่ ๒๒ ไร่ ตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓) เลขที่ ๑ ตำบลสะพานหิน อำเภอหนองมะโมง จังหวัดชัยนาท ต่อมาผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ได้มีหนังสือลงวันที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๕๓ ขอให้สำนักงานที่ดินจังหวัดชัยนาท ส่วนแยกวัดสิงห์ดำเนินการรังวัดสอบแนวเขตที่ดินสาธารณประโยชน์ตามหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง (นสล.) เลขที่ ๑๗๒๔๖ ซึ่งออกโดยผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ เมื่อวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๒๖ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าที่ดินที่ผู้ฟ้องคดีครอบครองทับซ้อนกับที่สาธารณประโยชน์จึงได้มีคำสั่งให้ผู้ฟ้องคดีออกจากที่ดินพิพาท โดยผู้ฟ้องคดีได้ทำบันทึกตกลงในการออกจากพื้นที่ ลงวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๓ ต่อมาผู้ฟ้องคดียังคงครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทเรื่อยมาและได้มีหนังสือถึงผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ เพื่ออุทธรณ์โต้แย้งคำสั่งที่ให้ผู้ฟ้องคดีออกจากที่ดิน ผู้ฟ้องคดีเห็นว่าหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง (นสล.) เลขที่ ๑๗๒๔๖ ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเนื่องจากผู้ฟ้องคดีได้ครอบครองต่อเนื่องจากบิดาที่ครอบครองมาตั้งแต่ก่อนปี ๒๕๑๗ และทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทซึ่งมีเอกสารสิทธิแสดงการครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเพิกถอนหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง (นสล.) เลขที่ ๑๗๒๔๖ ในส่วนที่ออกทับที่ดินของผู้ฟ้องคดีและขอให้เพิกถอนคำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ที่ให้ผู้ฟ้องคดีออกจากที่ดินพิพาท
ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองให้การว่า ที่ดินของผู้ฟ้องคดี ตาม น.ส. ๓ เลขที่ ๑ ได้ออกในที่สาธารณประโยชน์ตาม นสล. แปลงเลขที่ ๑๗๒๔๖ โดยเป็นที่ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ร่วมกันเป็นทำเลเลี้ยงสัตว์ มาประมาณ ๕๐ ปี ที่ดินของผู้ฟ้องคดีเดิมเป็นของนายเพี้ยน ซึ่งได้เข้าครอบครองและทำประโยชน์ภายหลังจากการเป็นที่สาธารณะต่อมาได้ขอออกเป็น น.ส. ๓ ก เลขที่ ๒๐ อันเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายและเป็นผลให้ น.ส. ๓ เลขที่ ๑ ซึ่งแบ่งแยกมาจาก น.ส. ๓ ก เลขที่ ๒๐ เป็นหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเช่นกัน จึงไม่มีเหตุที่จะต้องเพิกถอน นสล. ที่พิพาท ขอให้ยกฟ้อง
ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ยื่นคำร้องโต้แย้งเขตอำนาจศาลว่า คดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม
ศาลปกครองกลางพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้ผู้ฟ้องคดีฟ้องว่า การออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง (นสล.) เลขที่ ๑๗๒๔๖ ออกเมื่อวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๒๖ ซึ่งออกโดยผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ และคำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ที่ให้ผู้ฟ้องคดีออกจากที่ดินของตนตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓) เลขที่ ๑ ตำบลสะพานหิน อำเภอหนองมะโมง จังหวัดชัยนาท ออกเมื่อวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๔๘ เป็นคำสั่งทางปกครองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเนื่องจากออกทับที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของผู้ฟ้องคดีซึ่งได้ครอบครองทำประโยชน์ต่อเนื่องมาจากบิดาที่ครอบครองมาตั้งแต่ก่อนปี ๒๕๑๗ และมีเอกสารสิทธิแสดงการครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมาย จึงขอให้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้เพิกถอนหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง (นสล.) เลขที่ ๑๗๒๔๖ ในส่วนที่ออกทับที่ดินของผู้ฟ้องคดีตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓) เลขที่ ๑ และให้เพิกถอนคำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ที่ให้ผู้ฟ้องคดีออกจากที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ดังกล่าว ดังนั้น คดีนี้จึงมีประเด็นพิพาทที่ศาลจำต้องวินิจฉัยว่า การออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง (นสล.) เลขที่ ๑๗๒๔๖ และคำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ที่ให้ผู้ฟ้องคดีออกจากที่ดินของผู้ฟ้องคดีเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ กรณีจึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครองตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๑) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ และหากวินิจฉัยได้ว่า การใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่ของรัฐดังกล่าวเป็นการกระทำโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลปกครองย่อมมีอำนาจกำหนดคำบังคับให้เพิกถอนหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง (นสล.) เลขที่ ๑๗๒๔๖ ในส่วนที่ออกทับที่ดินของผู้ฟ้องคดีและคำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ที่ให้ผู้ฟ้องคดีออกจากที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ดังกล่าวได้ ทั้งนี้ ตามมาตรา ๗๒ วรรคหนึ่ง (๓) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ส่วนกรณีที่คดีนี้อาจมีประเด็นที่ต้องวินิจฉัยก่อนว่า ที่ดินพิพาทอันได้แก่ที่ดินตามหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง (นสล.) เลขที่ ๑๗๒๔๖ ในส่วนที่ทับซ้อนกับที่ดินของผู้ฟ้องคดีตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓) เลขที่ ๑ เป็นที่สาธารณประโยชน์หรือเป็นที่ดินที่ผู้ฟ้องคดีมีสิทธิครอบครองนั้น เป็นเพียงปัญหาข้อเท็จจริงที่ศาลจะต้องพิจารณาในเนื้อหาของคดี อันเป็นประเด็นย่อยข้อหนึ่งของประเด็นพิพาทหลักที่ศาลจะต้องพิจารณาให้ได้ความว่า การออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง (นสล.) เลขที่ ๑๗๒๔๖ และคำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ที่ให้ผู้ฟ้องคดีออกจากที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓) เลขที่ ๑ เป็นคำสั่งทางปกครองที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
ศาลจังหวัดชัยนาทพิจารณาแล้วเห็นว่า เป็นคดีที่เอกชนยื่นฟ้องคัดค้านว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐรังวัดที่ดินออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง (นสล.) เลขที่ ๑๗๒๔๖ ทับซ้อนกับที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓) เลขที่ ๑ ของผู้ฟ้องคดีที่ได้ครอบครองทำประโยชน์โดยมีเอกสารสิทธิแสดงการครอบครองโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ให้การโต้แย้งว่า ที่ดินพิพาทเป็นที่ดินสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน กรณีเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในที่ดินระหว่างผู้ฟ้องคดีกับนายอำเภอหนองมะโมงและองค์การบริหารส่วนตำบลกุดจอกซึ่งเป็นผู้มีอำนาจดูแลรักษาที่ดินสาธารณประโยชน์ ดังนั้นก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งตามคำขอของผู้ฟ้องคดีได้ ศาลจำต้องพิจารณาข้อเท็จจริงให้ได้ข้อยุติถึงสิทธิครอบครองและการใช้ประโยชน์ในที่ดินของคู่ความเป็นสำคัญ ซึ่งจะต้องเป็นไปตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายที่ดินและประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในที่ดินส่วนที่พิพาทว่าเป็นที่ดินของผู้ฟ้องคดีหรือเป็นที่ดินสาธารณสมบัติของแผ่นดินอันเป็นประเด็นหลักของคดี คดีจึงอยู่ในเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม

คำวินิจฉัย
ปัญหาที่ต้องพิจารณา คดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครองหรือศาลยุติธรรม
คณะกรรมการพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้เป็นคดีที่เอกชนยื่นฟ้องเจ้าหน้าที่ของรัฐ ขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเพิกถอนหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง (นสล.) เลขที่ ๑๗๒๔๖ ในส่วนที่ออกทับที่ดินของผู้ฟ้องคดีและขอให้เพิกถอนคำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ที่ให้ผู้ฟ้องคดีออกจากที่ดินพิพาท โดยผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองให้การว่า น.ส. ๓ เลขที่ ๑ ของผู้ฟ้องคดีออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากเป็นที่สาธารณประโยชน์ตาม นสล. แปลงเลขที่ ๑๗๒๔๖ ขอให้ยกฟ้อง เห็นว่า แม้เหตุแห่งการฟ้องคดีจะเนื่องมาจากการที่ผู้ฟ้องคดีกล่าวอ้างว่าผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากทับซ้อนกับที่ดินของผู้ฟ้องคดี พร้อมทั้งมีคำขอให้ศาลเพิกถอนหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงแปลงพิพาท แต่การที่ศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ เพิกถอน นสล. ตามคำขอของผู้ฟ้องคดีได้นั้น ศาลจำต้องพิจารณาให้ได้ความเสียก่อนว่า ที่ดินพิพาทเป็นที่ดินซึ่งผู้ฟ้องคดีมีสิทธิครอบครองหรือเป็นที่สาธารณประโยชน์ตามที่ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองโต้แย้ง ทั้งคดีนี้ไม่ปรากฏว่าผู้ฟ้องคดีอ้างเหตุแห่งความไม่ชอบด้วยกฎหมายของการออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงเลขที่ ๑๗๒๔๖ ประการอื่น นอกจากการทับซ้อนกับที่ดินที่ผู้ฟ้องคดีครอบครอง กรณีจึงเป็นคดีที่ผู้ฟ้องคดีขอให้รับรองคุ้มครองสิทธิในที่ดินที่พิพาทของผู้ฟ้องคดีเป็นสำคัญ จึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน อันอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม
จึงวินิจฉัยชี้ขาดว่า คดีระหว่าง นายนงค์ คชอินทร์ ผู้ฟ้องคดี อธิบดีกรมที่ดิน ที่ ๑ นายอำเภอหนองมะโมง ที่ ๒ ผู้ถูกฟ้องคดี อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม

(ลงชื่อ) วีระพล ตั้งสุวรรณ (ลงชื่อ) จิรนิติ หะวานนท์
(นายวีระพล ตั้งสุวรรณ) (นายจิรนิติ หะวานนท์)
ประธานศาลฎีกา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลยุติธรรม

(ลงชื่อ) ปิยะ ปะตังทา (ลงชื่อ) ชาญชัย แสวงศักดิ์
(นายปิยะ ปะตังทา) (นายชาญชัย แสวงศักดิ์)
ประธานศาลปกครองสูงสุด กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลปกครอง

(ลงชื่อ) พลเรือโท ปรีชาญ จามเจริญ (ลงชื่อ) พลตรี พัฒนพงษ์ เกิดอุดม
(ปรีชาญ จามเจริญ) (พัฒนพงษ์ เกิดอุดม)
หัวหน้าสำนักตุลาการทหาร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลทหาร

(ลงชื่อ) จิระ บุญพจนสุนทร
(นายจิระ บุญพจนสุนทร)
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ

Share