คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15407/2558

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สัญญาข้อ 2 มีใจความว่า คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายตกลงดำเนินการจดทะเบียนทางภาระจำยอม โดยโจทก์ตกลงจดทะเบียนให้ที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ 36717 ของโจทก์เป็นทางภาระจำยอมสำหรับที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ 36715 ของจำเลยที่ 1 ให้มีความกว้าง 12 เมตร ส่วนจำเลยที่ 1 ตกลงจดทะเบียนทางภาระจำยอมให้มีความกว้าง 9 เมตร ซึ่งอยู่ภายในเขตที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ 36715 ของจำเลยที่ 1 ให้เป็นทางภาระจำยอม สำหรับที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ 36716, 36717 และ 341 ของโจทก์ ทั้งสองฝ่ายยินยอมให้ใช้เป็นทางภาระจำยอมตลอดไป เว้นแต่จำเลยที่ 1 ไม่ใช้ทางภาระจำยอมเป็นเวลา 5 ปี นับแต่วันทำสัญญานี้เป็นต้นไป ก็ยินยอมให้จดทะเบียนยกเลิกทางภาระจำยอมได้ ตามคำฟ้องและคำให้การทั้งโจทก์และจำเลยที่ 1 ต่างฝ่ายต่างอ้างว่าอีกฝ่ายหนึ่งไม่ดำเนินการจดทะเบียนภาระจำยอมให้แก่ฝ่ายตนตามสัญญา ถือว่าทั้งสองฝ่ายมีข้อโต้แย้งสิทธิและหน้าที่ตามสัญญากันแล้ว หากจำเลยที่ 1 ประสงค์จะให้ศาลบังคับให้โจทก์จดทะเบียนทางภาระจำยอมให้แก่จำเลยที่ 1 เป็นการตอบแทนด้วยนั้น จำเลยที่ 1 จะต้องฟ้องหรือฟ้องแย้งตั้งประเด็นแห่งคดีเข้ามาเพื่อให้ศาลวินิจฉัยข้อพิพาทในส่วนที่โจทก์จะต้องชำระหนี้ตอบแทนให้แก่จำเลยที่ 1 ไปในคราวเดียวกัน ทั้งตามพฤติการณ์แห่งคดีนี้ หากจำเลยที่ 1 ตั้งประเด็นแห่งคดีเข้ามา โจทก์อาจมีข้อต่อสู้ก่อให้เกิดประเด็นข้อพิพาทที่ศาลจะต้องวินิจฉัยชี้ขาดก่อนที่จะพิพากษาบังคับโจทก์ก็ได้ เมื่อจำเลยที่ 1 มิได้ฟ้องแย้งเข้ามาโดยมีคำขอให้ศาลบังคับโจทก์ ศาลย่อมไม่อาจวินิจฉัยข้อพิพาทในส่วนนี้และพิพากษาบังคับให้โจทก์ดำเนินการดังกล่าวเป็นการตอบแทนได้ เพราะเป็นเรื่องนอกฟ้องนอกประเด็นต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142 จำเลยที่ 1 จึงไม่อาจอ้างได้ว่าโจทก์ไม่ยอมดำเนินการจดทะเบียนทางภาระจำยอมให้จำเลยที่ 1 เป็นการตอบแทน จำเลยที่ 1 ก็มีสิทธิปฏิเสธที่จะไม่ดำเนินการจดทะเบียนทางภาระจำยอมให้โจทก์เช่นกันได้
ขณะทำสัญญาก็ดี ขณะโจทก์ฟ้องคดีนี้ก็ดี ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 286 ใช้บังคับอยู่ จึงต้องนำประกาศดังกล่าวมาปรับแก่คดีนี้ แม้ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้นมี พ.ร.บ.การจัดสรรที่ดิน พ.ศ.2543 ให้ยกเลิกประกาศดังกล่าว และให้ใช้ พ.ร.บ.นี้เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินต่อไปก็ตาม ก็ยังคงต้องนำประกาศดังกล่าวมาปรับแก่คดีนี้ ซึ่งตามประกาศดังกล่าวข้อ 30 วรรคหนึ่ง ก็มีใจความทำนองเดียวกับมาตรา 43 วรรคหนึ่ง พิจารณาพฤติการณ์แห่งคดีนี้แล้ว หากให้จำเลยที่ 1 จดทะเบียนให้ถนนดังกล่าวเป็นทางภาระจำยอมให้แก่ที่ดินของโจทก์ โจทก์ก็ย่อมใช้ถนนดังกล่าวในฐานะทางภาระจำยอมทำนองเดียวกันกับผู้ซื้อที่ดินจัดสรรจากโครงการที่ได้รับอนุญาต กรณียังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 กระทำการใด ๆ อันเป็นเหตุให้ประโยชน์แห่งภาระจำยอมลดไปหรือเสื่อมความสะดวก อันจะเป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยประกาศดังกล่าวข้อ 30 วรรคหนึ่ง จึงไม่เป็นโมฆะ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองดำเนินการจดทะเบียนภาระจำยอมพร้อมทั้งก่อสร้างและปฏิบัติตามสัญญาฉบับลงวันที่ 28 มกราคม 2531 และตามรูปแบบแนบท้ายสัญญา หากจำเลยทั้งสองไม่ดำเนินการ ให้โจทก์เป็นผู้ดำเนินการเองโดยให้จำเลยทั้งสองรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดและให้จำเลยทั้งสองเสียค่าตอบแทน 45,800 บาท แก่โจทก์ด้วย
จำเลยทั้งสองให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองไปดำเนินการจดทะเบียนทางภาระจำยอมในส่วนที่ดินของตนในโฉนดเลขที่ 341 เนื้อที่ 37 ไร่ 2 งาน44 ตารางวา ให้เป็นทางเข้าออกมีความกว้าง 9 เมตร ตลอดแนวเส้นทางที่ระบายด้วยสีส้มหรือสีแสดตามที่กำหนดตามรูปแผนที่แนบท้ายสัญญาฉบับลงวันที่ 28 มกราคม 2531 ให้แก่โจทก์ โดยให้จำเลยทั้งสองเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการดำเนินการดังกล่าวจนเสร็จ กับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความให้ 20,000 บาท คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์และจำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2 และให้จำเลยที่ 1 ใช้ค่าทนายความในศาลชั้นต้น 3,000 บาท แทนโจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมสำหรับจำเลยที่ 2 ในศาลชั้นต้นให้เป็นพับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นและค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์และจำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ข้อแรกว่า จำเลยที่ 1 ต้องไปดำเนินการจดทะเบียนทางภาระจำยอมตามคำพิพากษาศาลล่างทั้งสองให้แก่โจทก์หรือไม่ เห็นว่า จริงอยู่สัญญาดังกล่าวเป็นสัญญาต่างตอบแทน ตามปกติโจทก์กับจำเลยที่ 1 จะต้องปฏิบัติตามสัญญาตอบแทนซึ่งกันและกัน แต่เมื่อตามคำฟ้องและคำให้การทั้งโจทก์และจำเลยที่ 1 ต่างฝ่ายต่างกล่าวอ้างว่า อีกฝ่ายหนึ่งไม่ดำเนินการจดทะเบียนทางภาระจำยอมให้แก่ฝ่ายตนตามสัญญา ถือว่าทั้งสองฝ่ายมีข้อโต้แย้งสิทธิและหน้าที่ตามสัญญากันแล้ว หากจำเลยที่ 1 ประสงค์จะให้ศาลบังคับให้โจทก์จดทะเบียนทางภาระจำยอมให้แก่จำเลยที่ 1 เป็นการตอบแทนด้วยนั้น จำเลยที่ 1 จะต้องฟ้องหรือฟ้องแย้งตั้งประเด็นแห่งคดีเข้ามาเพื่อให้ศาลวินิจฉัยข้อพิพาทในส่วนที่โจทก์จะต้องชำระหนี้ตอบแทนให้แก่จำเลยที่ 1 ไปในคราวเดียวกัน ทั้งตามพฤติการณ์แห่งคดีนี้หากจำเลยที่ 1 ตั้งประเด็นแห่งคดีเข้ามา โจทก์อาจมีข้อต่อสู้ก่อให้เกิดประเด็นข้อพิพาทที่ศาลจะต้องวินิจฉัยชี้ขาดก่อนที่จะพิพากษาบังคับโจทก์ก็ได้ เมื่อจำเลยที่ 1 มิได้ฟ้องแย้งเข้ามาโดยมีคำขอให้ศาลบังคับโจทก์ ศาลย่อมไม่อาจวินิจฉัยข้อพิพาทในส่วนนี้และพิพากษาบังคับให้โจทก์ดำเนินการดังกล่าวเป็นการตอบแทนได้เพราะเป็นเรื่องนอกฟ้องนอกประเด็น ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 จำเลยที่ 1 จึงไม่อาจอ้างได้ว่าเมื่อโจทก์ไม่ยอมดำเนินการจดทะเบียนทางภาระจำยอมให้จำเลยที่ 1 เป็นการตอบแทน จำเลยที่ 1 ก็มีสิทธิปฏิเสธที่จะไม่ดำเนินการจดทะเบียนทางภาระจำยอมให้โจทก์เช่นกันได้ จำเลยที่ 1 ต้องไปดำเนินการจดทะเบียนทางภาระจำยอมให้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาศาลล่างทั้งสอง ฎีกาของจำเลยที่ 1 ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น อย่างไรก็ตาม ตามคำพิพากษาศาลล่างทั้งสองที่ให้จำเลยที่ 1 ไปดำเนินการจดทะเบียนทางภาระจำยอมให้แก่โจทก์นั้น หากจำเลยที่ 1 ไม่ปฏิบัติตามอาจมีปัญหาในชั้นบังคับคดี ตามพฤติการณ์แห่งคดีนี้รวมทั้งที่ได้เป็นความกันมานานหลายปี ศาลฎีกาเห็นสมควรสั่งให้ถือเอาตามคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยที่ 1 ด้วย มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ข้อต่อไปว่า สัญญาต่างตอบแทน ที่ให้จำเลยที่ 1 จดทะเบียนทางภาระจำยอมให้แก่โจทก์เป็นโมฆะหรือไม่ โดยจำเลยที่ 1 ฎีกาว่า ถนนกว้าง 9 เมตร ที่ระบายด้วยสีแสดตามแผนที่แนบท้ายสัญญาต่างตอบแทน เป็นสาธารณูปโภคที่ผู้จัดสรรที่ดินได้จัดให้มีขึ้นเพื่อการจัดสรรที่ดินตามแผนผังและโครงการที่ได้รับอนุญาต ซึ่งตกอยู่ในภาระจำยอมเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินจัดสรร และเป็นหน้าที่ของผู้จัดสรรที่ดินที่จะบำรุงรักษาถนนดังกล่าวให้คงสภาพดังเช่นที่ได้จัดทำขึ้นนั้นต่อไป และจะกระทำการใดอันเป็นเหตุให้ประโยชน์แห่งภาระจำยอมลดไปหรือเสื่อมความสะดวกมิได้ ตามพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ.2543 มาตรา 43 วรรคหนึ่ง การที่มีข้อสัญญาว่าให้จำเลยที่ 1 จดทะเบียนให้ถนนดังกล่าวเป็นทางภาระจำยอมให้แก่โจทก์ ย่อมเป็นการกระทำการใดอันเป็นเหตุให้ประโยชน์แห่งภาระจำยอมลดไปหรือเสื่อมความสะดวก เป็นกรณีที่นิติกรรมมีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยบทกฎหมายดังกล่าว จึงเป็นโมฆะ ใช้บังคับไม่ได้นั้น เห็นว่า ขณะทำสัญญาต่างตอบแทน ขณะโจทก์ฟ้องคดีนี้ก็ดี ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 286 ใช้บังคับอยู่ จึงต้องนำประกาศดังกล่าวมาปรับแก่คดีนี้ แม้ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้นมีพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ.2543 ให้ยกเลิกประกาศดังกล่าว และให้ใช้พระราชบัญญัตินี้เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินต่อไปก็ตาม ก็ยังคงต้องนำประกาศดังกล่าวมาปรับแก่คดีนี้ ซึ่งตามประกาศดังกล่าวข้อ 30 วรรคหนึ่ง ก็มีใจความทำนองเดียวกับมาตรา 43 วรรคหนึ่ง พิจารณาพฤติการณ์แห่งคดีนี้แล้ว หากให้จำเลยที่ 1 จดทะเบียนให้ถนนดังกล่าวเป็นทางภาระจำยอมให้แก่ที่ดินของโจทก์ โจทก์ก็ย่อมใช้ถนนดังกล่าวในฐานะทางภาระจำยอมทำนองเดียวกันกับผู้ซื้อที่ดินจัดสรรจากโครงการที่ได้รับอนุญาต กรณียังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 กระทำการใด ๆ อันเป็นเหตุให้ประโยชน์แห่งภาระจำยอมลดไปหรือเสื่อมความสะดวก อันจะเป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยประกาศดังกล่าวข้อ 30 วรรคหนึ่ง จึงไม่เป็นโมฆะ ฎีกาของจำเลยที่ 1 ข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน
มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยที่ 2 ต้องร่วมรับผิดด้วยกันกับจำเลยที่ 1 หรือไม่ เห็นว่า ตามหนังสือรับรอง เอกสารหมาย จ. 2 จำเลยที่ 2 เป็นกรรมการบริษัทจำเลยที่ 1 มีอำนาจทำการแทนจำเลยที่ 1 และตามสัญญาต่างตอบแทน ระบุชื่อคู่สัญญาความว่า สัญญาฉบับนี้ทำขึ้นระหว่างนายแสงคม (โจทก์) ฝ่ายหนึ่ง กับบริษัทโชคผาสุข จำกัด (จำเลยที่ 1) โดยนายศิริชัย (จำเลยที่ 2) ประธานกรรมการ อีกฝ่ายหนึ่ง แสดงว่าจำเลยที่ 2 ทำสัญญาในนามหรือแทนจำเลยที่ 1 และเห็นได้ว่าเป็นการทำสัญญาภายในขอบอำนาจของตัวแทน จำเลยที่ 1 ตัวการเท่านั้นที่มีความผูกพันและรับผิดต่อโจทก์ จำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัวดังที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัย จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องร่วมรับผิดด้วยกันกับจำเลยที่ 1 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 นั้น ชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น สำหรับฎีกาของโจทก์ประการอื่นนอกจากที่ได้วินิจฉัยมาข้างต้น พิจารณาแล้ว เป็นฎีกาที่มิได้กล่าวข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายไว้โดยชัดแจ้งในฎีกา จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง (เดิม) ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายืน หากจำเลยที่ 1 ไม่ไปดำเนินการจดทะเบียนทางภาระจำยอมให้แก่โจทก์ ก็ให้ถือเอาตามคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยที่ 1 ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share