คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6620/2558

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 ทำสัญญาเช่าซื้อกับโจทก์และได้รับรถยนต์ที่เช่าซื้อไปแล้ว โดยมีจำเลยที่ 2 ทำสัญญาค้ำประกันซึ่งเป็นการทำสัญญาค้ำประกันก่อนวันที่จำเลยที่ 2 ถูกศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์มูลหนี้ที่จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญาค้ำประกันจึงเป็นมูลหนี้ที่เกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยที่ 2 เด็ดขาดการที่จำเลยที่ 1 ยังไม่ผิดนัดโจทก์ไม่อาจเรียกร้องให้จำเลยที่ 2 ชำระหนี้ได้เพราะต้องห้ามตาม ป.พ.พ. มาตรา 686 เท่านั้นหาทำให้มูลหนี้ตามสัญญาค้ำประกันหมดไป โจทก์ต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ตามมูลหนี้สัญญาค้ำประกันในคดีล้มละลายภายในกำหนด 2 เดือนนับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 27, 91 และ 94 เมื่อโจทก์ไม่ยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในกำหนด โจทก์จึงไม่มีสิทธินำหนี้ตามสัญญาค้ำประกันมาฟ้องให้จำเลยที่ 2 ต้องรับผิด

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันส่งมอบรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน 2 ษ – 4623 กรุงเทพมหานคร ที่เช่าซื้อคืนแก่โจทก์ หากส่งมอบไม่ได้ให้ใช้ราคาแทน 182,000 บาท พร้อมชำระค่าขาดประโยชน์ 12,000 บาท และให้ร่วมกันชำระค่าเสียหายเดือนละ 1,500 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้อง จนกว่าจะส่งมอบรถยนต์คันดังกล่าวหรือใช้ราคาแทนจนครบ แต่ต้องไม่เกิน 6 เดือน กับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความ 1,000 บาท คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก จำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาดังกล่าว โจทก์ขอให้บังคับคดีแล้วนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 13133 และ 13134 ตำบลธงชัยเหนือ อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา ของจำเลยที่ 2 เพื่อนำออกขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้
จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องและแก้ไขคำร้องขอให้มีคำสั่งเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ และจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ
โจทก์ยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้องของจำเลยที่ 2
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งยกคำร้องของจำเลยที่ 2
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ต่อมาจำเลยที่ 2 ขอให้เพิกถอนหมายบังคับคดีหรือเพิกถอนการบังคับคดี
โจทก์ยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้องของจำเลยที่ 2
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งยกคำร้องของจำเลยที่ 2 ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมตามคำร้องของจำเลยที่ 2 ฉบับแรกในศาลชั้นต้น และค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 2 มีว่า ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 2 ชำระหนี้แก่โจทก์ชอบหรือไม่ เห็นว่า จำเลยที่ 1 ทำสัญญาเช่าซื้อกับโจทก์ และได้รับรถยนต์ที่เช่าซื้อไปใช้ประโยชน์ โดยมีจำเลยที่ 2 ทำสัญญาค้ำประกันก่อนวันที่จำเลยที่ 2 ถูกศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ มูลแห่งหนี้ที่จำเลยที่ 2 จะต้องรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญาค้ำประกันจึงเป็นมูลหนี้ที่เกิดก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยที่ 2 เด็ดขาด เพียงแต่การที่จำเลยที่ 1 ยังไม่ผิดนัดโจทก์ไม่อาจเรียกให้จำเลยที่ 2 ผู้ค้ำประกันชำระหนี้ เพราะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 686 เท่านั้น หาทำให้มูลแห่งหนี้ตามสัญญาค้ำประกันของจำเลยที่ 2 เกิดภายหลังวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ดังที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยไม่ ดังนั้น แม้หนี้ตามสัญญาค้ำประกันของจำเลยที่ 2 จะยังไม่ถึงกำหนดชำระขณะจำเลยที่ 2 ถูกศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ เพราะจำเลยที่ 1 ยังไม่ผิดนัดดังกล่าว โจทก์ก็ต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ตามมูลหนี้สัญญาค้ำประกันในคดีล้มละลายภายในกำหนด 2 เดือน นับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 27, 91 และ 94 ตามรายงานเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เอกสารท้ายคำร้องของจำเลยที่ 2 ลงวันที่ 30 เมษายน 2555 อันดับที่ 5 ไม่ปรากฏว่าโจทก์ยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ โจทก์จึงหมดสิทธิได้รับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของจำเลยที่ 2 และไม่มีสิทธินำหนี้ตามสัญญาค้ำประกันมาฟ้องให้จำเลยที่ 2 ต้องรับผิด ที่ศาลล่างทั้งสองมีคำสั่งและคำพิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 2 ฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นในส่วนจำเลยที่ 2 เพิกถอนหมายบังคับคดีจำเลยที่ 2 และกระบวนการบังคับคดีในส่วนจำเลยที่ 2 ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ.

Share