คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5534/2558

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ป.พ.พ. มาตรา 1574 บัญญัติเกี่ยวกับการขายอสังหาริมทรัพย์ของผู้เยาว์ซึ่งผู้ใช้อำนาจปกครองจะกระทำมิได้ เว้นแต่ศาลจะอนุญาต เมื่อศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องที่ผู้ร้องขออนุญาตขายอสังหาริมทรัพย์ของผู้เยาว์ทั้งสามและอนุญาตให้ผู้ร้องขายอสังหาริมทรัพย์ของผู้เยาว์ทั้งสาม ประเด็นดังกล่าวจึงยุติ ดังนั้น เมื่อผู้ร้องมายื่นคำร้องขออนุญาตขายอสังหาริมทรัพย์ของผู้เยาว์ทั้งสามในราคาใหม่ คดีจึงมีประเด็นเพียงว่า สมควรกำหนดให้ขายใหม่ในราคาเท่าใดเท่านั้น ซึ่งเป็นหน้าที่ของผู้ร้องต้องนำสืบเกี่ยวกับราคาอสังหาริมทรัพย์ว่ามีราคาเท่าใดและสมควรขายในราคาเท่าใด หาได้เกี่ยวข้องกับผู้คัดค้านซึ่งเป็นบุคคลภายนอกไม่ ที่ผู้คัดค้านอ้างว่าถูก ก. หลอกลวงขายอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าว ผู้คัดค้านหลงเชื่อวางเงินมัดจำให้ ก. ก็เป็นเรื่องที่ผู้คัดค้านต้องไปว่ากล่าวต่อ ก. เอง ผู้คัดค้านจึงไม่มีสิทธิคัดค้านการขายอสังหาริมทรัพย์ของผู้เยาว์ทั้งสาม

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า ผู้ร้องเป็นมารดาของนางสาว อ. เด็กชาย ม. และเด็กหญิง ญ. ผู้เยาว์ทั้งสามซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 100 ตำบลประโคนชัย อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมสิ่งปลูกสร้าง ขอให้มีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องทำนิติกรรมขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างของผู้เยาว์ทั้งสาม ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องขายอสังหาริมทรัพย์ที่ดินโฉนดเลขที่ 100 ตำบลประโคนชัย อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ แทนผู้เยาว์ในราคาไม่ต่ำกว่า 11,000,000 บาท ให้ตั้งผู้อำนวยการสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดสุรินทร์ เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองในส่วนที่เกี่ยวกับทรัพย์สินของผู้เยาว์ทั้งสาม โดยให้มีเงินจากการขายที่ดินดังกล่าวสำหรับเป็นทุนการศึกษาแก่ผู้เยาว์ทั้งสามจนกว่าจะบรรลุนิติภาวะ
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้มีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องขายอสังหาริมทรัพย์ของผู้เยาว์ทั้งสามใหม่
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้องขอของผู้ร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องทำนิติกรรมขายอสังหาริมทรัพย์โฉนดเลขที่ 100 ตำบลประโคนชัย อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมสิ่งปลูกสร้างที่อยู่บนที่ดินทั้งหมดแทนผู้เยาว์ทั้งสามในราคาไม่ต่ำกว่า 10,100,000 บาท แต่ถ้าจะแบ่งขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่เป็นอาคารพาณิชย์ก็อนุญาตให้ผู้ร้องทำนิติกรรมแทนผู้เยาว์ได้ โดยมีเงื่อนไขคือ อาคารพาณิชย์ที่ตั้งบนที่ดินโฉนดเลขที่ 100 อย่างน้อย 2 ห้อง ต้องขายในราคาไม่น้อยกว่าห้องละ 2,500,000 บาท ส่วนอาคารพาณิชย์ที่เหลืออีก 3 ห้อง ต้องขายในราคาไม่น้อยกว่าห้องละ 1,700,000 บาท ให้ตั้งผู้อำนวยการสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดสุรินทร์ เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองในส่วนที่เกี่ยวกับทรัพย์สินของผู้เยาว์ทั้งสาม โดยให้มีเงินจากการขายที่ดินเป็นทุนการศึกษาแก่ผู้เยาว์ทั้งสามจนกว่าจะบรรลุนิติภาวะ ให้เพิกถอนคำสั่งที่อนุญาตให้ขายทรัพย์สินของผู้เยาว์ทั้งสามฉบับและให้ยกคำคัดค้านของผู้คัดค้าน
ผู้คัดค้านอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวพิพากษายืน
ผู้คัดค้านฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า ชั้นไต่สวนผู้คัดค้านแถลงว่า นาย ก. บิดาของผู้เยาว์ทั้งสามไปหลอกลวงผู้คัดค้าน โดยเสนอขายอาคารพาณิชย์ 2 ห้อง ในราคาห้องละ 2,200,000 บาท และรับเงินมัดจำไปแล้ว 1,960,000 บาท ซึ่งราคาที่เสนอขายสูงกว่าที่ผู้ร้องจะขายให้แก่นาย ค. ในราคาห้องละ 1,200,000 บาท ผู้คัดค้านจึงเสนอจะซื้ออาคารพาณิชย์ 2 ห้อง ในราคาห้องละ 1,700,000 บาท ฝ่ายผู้ร้องและนาย ค .แถลงร่วมกันว่า ผู้ร้องประสงค์จะขายอาคารพาณิชย์แก่นาย ค. ในราคาห้องละ 1,700,000 บาท โดยไม่ประสงค์จะขายหรือแบ่งให้แก่ผู้คัดค้าน ส่วนนาย ค. ยินดีจะซื้อในราคาดังกล่าว รวม 5 ห้อง เป็นเงิน 8,500,000 บาท ผู้คัดค้านเสนอราคาใหม่เป็นห้องละ 2,500,000 บาท จำนวน 2 ห้อง และยอมรับผิดชอบในค่าโอน ค่าภาษีอากรและค่าแบ่งแยกโฉนดที่ดิน ส่วนนาย ค. แถลงว่า อาคารพาณิชย์ 2 ห้อง ที่ผู้คัดค้านจะซื้อ นาย ค. ยินดีซื้อในราคาห้องละ 2,500,000 บาท เช่นกันและยอมรับผิดชอบในค่าโอน ค่าภาษีอากรและค่าฤชาธรรมเนียมต่าง ๆ ส่วนอีก 3 ห้อง ที่เหลือจะขอซื้อในราคาห้องละ 1,700,000 บาท
มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้คัดค้านว่า ผู้คัดค้านมีสิทธิคัดค้านการขายอสังหาริมทรัพย์ของผู้เยาว์ทั้งสามหรือไม่ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1574 บัญญัติเกี่ยวกับการขายอสังหาริมทรัพย์ของผู้เยาว์ ซึ่งผู้ใช้อำนาจปกครองจะกระทำมิได้ เว้นแต่ศาลจะอนุญาต ศาลชั้นต้นได้ไต่สวนคำร้องที่ผู้ร้องขออนุญาตขายอสังหาริมทรัพย์ของผู้เยาว์ทั้งสามและศาลชั้นต้นอนุญาตให้ผู้ร้องขายอสังหาริมทรัพย์ของผู้เยาว์ทั้งสาม ประเด็นดังกล่าวจึงยุติไปแล้ว เมื่อผู้ร้องมายื่นคำร้องขออนุญาตขายอสังหาริมทรัพย์ของผู้เยาว์ทั้งสามในราคาใหม่จึงมีประเด็นว่า สมควรกำหนดให้ขายใหม่ในราคาเท่าใดเท่านั้น กรณีเป็นเรื่องที่ผู้ร้องต้องนำสืบเกี่ยวกับราคาอสังหาริมทรัพย์ต่อศาลว่ามีราคาเท่าใด สมควรขายในราคาเท่าใด หาเกี่ยวข้องกับผู้คัดค้านซึ่งเป็นบุคคลภายนอกไม่ ที่ผู้คัดค้านอ้างว่า ผู้คัดค้านถูกนาย ก. หลอกลวงขายอสังหาริมทรัพย์ให้ผู้คัดค้าน ผู้คัดค้านหลงเชื่อวางเงินมัดจำให้แก่นาย ก. ก็เป็นเรื่องที่ผู้คัดค้านต้องไปว่ากล่าวดำเนินคดีต่อนาย ก. เอง ผู้คัดค้านไม่มีสิทธิมาเกี่ยวข้องกับผู้เยาว์ทั้งสามซึ่งเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ ผู้คัดค้านจึงไม่มีสิทธิคัดค้านการขายอสังหาริมทรัพย์ของผู้เยาว์ทั้งสาม ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่า ผู้คัดค้านไม่มีสิทธิคัดค้านการขายอสังหาริมทรัพย์ของผู้เยาว์ทั้งสามชอบแล้ว ฎีกาของผู้คัดค้านฟังไม่ขึ้น เมื่อผู้คัดค้านไม่มีสิทธิยื่นคำคัดค้าน กรณีจึงไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาข้ออื่นของผู้คัดค้านเพราะไม่มีผลเปลี่ยนแปลงผลของคำพิพากษา
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share