คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3123/2558

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีก่อน จำเลยฟ้อง ว. เป็นจำเลย อ้างว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลย ว. ให้การต่อสู้ว่า ที่ดินพิพาทเป็นของ ว. โดยครอบครองต่อจาก ตา ยาย และบิดาของ ว. คือโจทก์ในคดีนี้ ประเด็นข้อพิพาทในคดีดังกล่าวจึงมีว่า ที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยหรือไม่ แต่ในคดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยอ้างว่าที่ดินเป็นของโจทก์ จำเลยให้การต่อสู้ว่า ที่ดินพิพาทเป็นของจำเลย ประเด็นข้อพิพาทในคดีนี้จึงมีว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์หรือไม่ ซึ่งเป็นคนละประเด็นกัน ทั้งคู่ความในคดีก่อนกับคดีนี้เป็นคนละคนกัน ว. เป็นผู้สืบสิทธิจากโจทก์ คำพิพากษาในคดีก่อนย่อมไม่ผูกพันโจทก์ ฟ้องของโจทก์จึงไม่เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 658 ตำบลกะลาเส อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง และให้โจทก์มีสิทธิครอบครองที่ดินเนื้อที่ประมาณ 2 งาน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 658 และ 1084 ตำกะลาเส อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง
จำเลยให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ในวันนัดชี้สองสถานหรือสืบพยานโจทก์ คู่ความแถลงรับกันว่า จำเลยเคยเป็นโจทก์ฟ้องขับไล่นางวรรณทิพย์ บุตรโจทก์ออกจากที่ดินพิพาท ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่นางวรรณทิพย์และบริวารออกจากที่ดินพิพาท ตามคำพิพากษาคดีแพ่ง หมายเลขแดงที่ 564/2555 ของศาลชั้นต้น คดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์
จำเลยยื่นคำร้องขอให้ชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายว่า ฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำหรือไม่
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์เป็นบริวารของนางวรรณทิพย์ คำพิพากษาจึงผูกพันโจทก์ด้วย คดีนี้จึงต้องตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144 ที่ห้ามมิให้ดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลอันเกี่ยวกับคดีหรือประเด็นที่ได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้วอีก โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษายืน ให้คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ส่วนที่เกินกว่า 200 บาท ให้แก่โจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่าฟ้องโจทก์เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำกับ คดีหมายเลขแดงที่ 564/2555 ของศาลชั้นต้นหรือไม่ เห็นว่า คดีก่อน จำเลยฟ้องนางวรรณทิพย์ เป็นจำเลย อ้างว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลย นางวรรณทิพย์ให้การต่อสู่ว่า ที่ดินพิพาทเป็นของนางวรรณทิพย์ โดยครอบครองต่อจาก ตา ยาย และบิดาของนางวรรณทิพย์คือโจทก์ในคดีนี้ ประเด็นข้อพิพาทในคดีดังกล่าวจึงมีว่า ที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยหรือไม่ แต่คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยอ้างว่าที่ดินเป็นของโจทก์ จำเลยให้การต่อสู้ว่า ที่ดินพิพาทเป็นของจำเลย ประเด็นข้อพิพาทในคดีนี้จึงมีว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์หรือไม่ ซึ่งเป็นคนละประเด็นกัน ทั้งคู่ความในคดีก่อนกับคดีนี้เป็นคนละคนกัน การที่นางวรรณทิพย์ให้การต่อสู้ในคดีก่อนว่าครอบครองที่ดินพิพาทต่อจากโจทก์ เป็นเพียงข้ออ้างของนางวรรณทิพย์ ซึ่งโจทก์มิได้ยอมรับและจะถือว่าโจทก์สืบสิทธิจากนางวรรณทิพย์หาได้ไม่ ตรงกันข้ามตามคำให้การต่อสู้ของนางวรรณทิพย์กลับเป็นกรณีนางวรรณทิพย์สืบสิทธิจากโจทก์ ดังนั้นคำพิพากษาในคดีก่อนยอมไม่ผูกพันโจทก์ ฟ้องของโจทก์จึงไม่เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษามานั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 9 เว้นแต่ในส่วนที่ให้คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ส่วนที่เกิน 200 บาท แก่โจทก์ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป แล้วมีคำพิพากษาหรือคำสั่งใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลในชั้นนี้ให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาหรือคำสั่งใหม่

Share