คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5411/2558

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ริบอาวุธปืนของกลางแล้ว หากจำเลยที่ 1 เห็นว่าศาลอุทธรณ์ริบอาวุธปืนของกลางโดยมิชอบด้วยกฎหมาย จำเลยที่ 1 ชอบที่จะใช้สิทธิฎีกาคำพิพากษาไปยังศาลฎีกาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 216 แต่จำเลยที่ 1 มิได้ใช้สิทธิดังกล่าวจนคดีถึงที่สุดไปแล้ว จึงมายื่นคำร้องขอให้ศาลคืนอาวุธปืนของกลาง โดยอ้างข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายดังที่ปรากฏในคำร้องของจำเลยที่ 1 ดังนี้ หากศาลฟังตามที่จำเลยที่ 1 อ้างในคำร้องดังกล่าวแล้ววินิจฉัยให้คืนอาวุธปืนของกลางแก่จำเลยที่ 1 ย่อมมีผลเป็นการแก้ไขคำพิพากษาซึ่งถึงที่สุดแล้ว ขัดต่อ ป.วิ.อ. มาตรา 190 ที่ห้ามมิให้แก้ไขคำพิพากษาหรือคำสั่งซึ่งอ่านแล้ว นอกจากแก้ถ้อยคำที่เขียนหรือพิมพ์ผิดพลาด

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาถึงที่สุดเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2557 ว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคสอง ประกอบมาตรา 340 ตรี,371 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 วรรคหนึ่งและวรรคสาม, 72 ทวิ วรรคสอง ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ริบอาวุธปืน 2 กระบอก ค้อน 1 อัน โทรศัพท์เคลื่อนที่ 4 เครื่อง และกระเป๋าสะพาย 2 ใบ ของกลาง
เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2557 จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอให้มีคำสั่งคืนทรัพย์ดังกล่าวแก่จำเลยที่ 1
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษาริบอาวุธปืนตามที่โจทก์ขอริบ โดยศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยแล้วว่าคือปืนตามฟ้องทุกกระบอก อันหมายรวมถึงปืนที่จำเลยที่ 1 อ้างถึงในคำร้องฉบับนี้ด้วย จำเลยที่ 1 จึงไม่อาจขอคืนอาวุธปืนดังกล่าวได้ ส่วนทรัพย์รายการอื่นนั้นไม่ปรากฏว่าโจทก์ขอให้ศาลริบมาในคำขอท้ายฟ้อง จึงเป็นเรื่องที่จำเลยที่ 1 ต้องไปดำเนินการขอคืนทรัพย์ดังกล่าวกับพนักงานสอบสวนด้วยตนเอง (ที่ถูกต้องระบุ ให้ยกคำร้อง)
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ว่า มีเหตุที่จะคืนอาวุธปืนพก กึ่งออโตเมติก ขนาด .45 ยี่ห้อซูตเตอร์ หมายเลขทะเบียน กก 53103625 เลขประจำปืน SH 450911 ของกลางให้จำเลยที่ 1 หรือไม่ เห็นว่า เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ริบอาวุธปืนของกลางแล้ว หากจำเลยที่ 1 เห็นว่าศาลอุทธรณ์ริบอาวุธปืนของกลางโดยมิชอบด้วยกฎหมาย จำเลยที่ 1 ชอบที่จะใช้สิทธิฎีกาคำพิพากษาไปยังศาลฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 216 แต่จำเลยที่ 1 มิได้ใช้สิทธิดังกล่าวจนคดีถึงที่สุดไปแล้ว จำเลยที่ 1 จึงมายื่นคำร้องขอให้ศาลคืนอาวุธปืนของกลางให้แก่จำเลยที่ 1 โดยอ้างข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายดังที่ปรากฏในคำร้องของจำเลยที่ 1 ข้างต้น ดังนี้ หากศาลฟังตามที่จำเลยที่ 1 อ้างในคำร้องดังกล่าวแล้ววินิจฉัยให้คืนอาวุธปืนของกลางแก่จำเลยที่ 1 ย่อมมีผลเป็นการแก้ไขคำพิพากษาซึ่งถึงที่สุดแล้วขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 190 ซึ่งห้ามมิให้แก้ไขคำพิพากษาหรือคำสั่งซึ่งอ่านแล้ว นอกจากแก้ถ้อยคำที่เขียนหรือพิมพ์ผิดพลาด ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share