คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2418/2557

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ร. รับบัตรจอดรถจากพนักงานรักษาความปลอดภัยของห้างสรรพสินค้าแล้ววางบัตรไว้ที่คอนโซลภายในรถ แม้จะเป็นการกระทำโดยปราศจากความระมัดระวังในการเก็บรักษาบัตรจอดรถ แต่ข้อเท็จจริงได้ความว่าก่อนที่จะเข้าไปซื้อของ ร. ได้ล็อกประตูรถไว้เรียบร้อยแล้วโดยไม่ได้เสียบกุญแจติดเครื่องยนต์ไว้กับรถยนต์ และได้จอดรถยนต์ไว้เพียง 30 นาที ซึ่งเป็นเวลาที่ไม่นานเกินสมควร ข้อเท็จจริงตามพฤติการณ์ฟังไม่ได้ว่ารถยนต์ที่จำเลยรับประกันภัยไว้ได้หายไปเกิดจากความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง จำเลยจึงต้องรับผิดชำระค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ตามสัญญาประกันภัย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงิน 502,250 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 490,000 บาท นับจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 502,250 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 490,000 บาท นับแต่วันฟ้อง (วันที่ 16 พฤศจิกายน 2549) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่โจทก์และจำเลยไม่ได้โต้เถียงกันในชั้นฎีกาฟังได้ว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด มีนายแรนเดลและนายนิกรเป็นกรรมการ กรรมการคนใดคนหนึ่งลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญของโจทก์มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ได้ เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2547 โจทก์ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์หมายเลขทะเบียน ศจ 9835 กรุงเทพมหานคร จากบริษัทสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ในราคา 678,853.26 บาท ชำระวันทำสัญญา 224,883.18 บาท ส่วนที่เหลือ 453,970.08 บาท ตกลงชำระค่าเช่าซื้อรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 36 งวด งวดละ 13,493 บาท เริ่มชำระงวดแรกวันที่ 15 ตุลาคม 2547 งวดต่อไปชำระทุกวันที่ 15 ของเดือนถัดไปจนกว่าจะครบ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2548 โจทก์ทำสัญญาประกันภัยรถยนต์คันดังกล่าวกับจำเลย เพื่อคุ้มครองความเสียหายกรณีรถยนต์สูญหายในวงเงิน 490,000 บาท มีกำหนด 1 ปี เริ่มต้นวันที่ 8 กันยายน 2548 สิ้นสุดวันที่ 8 กันยายน 2549 วันที่ 6 มีนาคม 2549 เวลาประมาณ 16 นาฬิกา นายแรนเดลขับรถยนต์หมายเลขทะเบียน ศจ 9835 กรุงเทพมหานคร ไปจอดที่ลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าคาร์ฟูร์ สาขาศรีนครินทร์ ตำบลสำโรงเหนือ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ และรับบัตรจอดรถจากพนักงานรักษาความปลอดภัยของห้างสรรพสินค้าดังกล่าว จากนั้นได้ล็อกประตูรถยนต์แล้วเข้าไปซื้อสินค้าภายในห้างสรรพสินค้า โดยวางบัตรจอดรถไว้ที่คอนโซลภายในรถยนต์ประมาณ 30 นาที นายแรนเดลกลับมาที่รถพบว่ารถยนต์คันดังกล่าวสูญหายไป จึงโทรศัพท์แจ้งเหตุแก่จำเลย แล้วไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรตำบลสำโรงเหนือ จำเลยปฏิเสธการจ่ายค่าสินไหมทดแทนโดยอ้างว่าความเสียหายเกิดจากนายแรนเดลผู้ขับรถยนต์ได้กระทำการประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง
ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยมีว่า การที่รถยนต์หมายเลขทะเบียน ศจ 9835 กรุงเทพมหานคร สูญหายไปเกิดจากความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของโจทก์ผู้เอาประกันภัยอันเป็นข้อยกเว้นความรับผิดของจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 879 หรือไม่ เห็นว่า ทางนำสืบของโจทก์และจำเลยได้ความตรงกันว่า ลูกค้าที่นำรถยนต์เข้าไปในห้างสรรพสินค้าคาร์ฟูร์ สาขาศรีนครินทร์ ต้องรับบัตรจอดรถจากพนักงานรักษาความปลอดภัยแล้วต้องเก็บบัตรไว้กับตัว เมื่อจะนำรถยนต์ออกจากห้างสรรพสินค้าจะต้องส่งบัตรจอดรถคืนให้แก่พนักงานรักษาความปลอดภัย หากไม่มีบัตรจอดรถคืนให้แก่พนักงานรักษาความปลอดภัย เจ้าของรถยนต์จะต้องนำเอกสารยืนยันความเป็นเจ้าของมาแสดงต่อพนักงานรักษาความปลอดภัยจึงจะนำรถยนต์ออกไปได้ นายแรนเดลรับบัตรจอดรถจากพนักงานรักษาความปลอดภัยแล้ววางบัตรไว้ที่คอนโซลภายในรถ แม้จะเป็นการกระทำโดยปราศจากความระมัดระวังในการเก็บรักษาบัตรจอดรถ แต่ข้อเท็จจริงก็ได้ความว่า ก่อนที่จะเข้าไปซื้อของ นายแรนเดลได้ล็อกประตูรถไว้เรียบร้อยแล้วโดยไม่ได้เสียบกุญแจติดเครื่องยนต์ไว้กับรถยนต์ และได้จอดรถยนต์ไว้เพียง 30 นาที ซึ่งเป็นเวลาที่ไม่นานเกินสมควร ข้อเท็จจริงตามพฤติการณ์ฟังไม่ได้ว่า การที่รถยนต์ที่จำเลยรับประกันภัยไว้ได้หายไปเกิดจากความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของผู้เอาประกันภัย จำเลยจึงต้องรับผิดชำระค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ตามสัญญาประกันภัย ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share