คำวินิจฉัยที่ 56/2557

แหล่งที่มา : ส่วนเลขานุการคณะกรรมการวินิจฉัยฯ

ย่อสั้น

คดีที่เอกชนฟ้องหน่วยงานทางปกครองว่า ผู้ฟ้องคดีเข้าประมูลซื้อที่ดินตามประกาศของเจ้าพนักงานบังคับคดี โดยเป็นผู้เสนอราคาสูงสุดและทำสัญญาซื้อขายที่ดินพร้อมวางเงินมัดจำไว้ แต่แผนที่สังเขป (ทางไปที่ดิน) ท้ายประกาศไม่ถูกต้อง ไม่ใช่ทางไปที่ดิน ทำให้ผู้ฟ้องคดีไม่สามารถเดินทางไปยังที่ดินได้ อีกทั้งที่ดินอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติคลองตรอนฝั่งซ้ายและเนื้อที่บางส่วนทับซ้อนที่ดินของผู้อื่น ทั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ดำเนินการขายทอดตลาดที่ดินตามระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยการบังคับคดีของเจ้าพนักงานบังคับคดี พ.ศ. ๒๕๒๒ ทำให้ผู้ฟ้องคดีได้รับความเสียหาย ขอให้ยกเลิกสัญญาซื้อขายและคืนเงินมัดจำ ส่วนผู้ถูกฟ้องคดีให้การว่า ได้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมายและระเบียบแล้ว มูลความแห่งคดีนี้จึงสืบเนื่องมาจากการดำเนินการของเจ้าพนักงานบังคับคดีสังกัดผู้ถูกฟ้องคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลที่บัญญัติให้เจ้าพนักงานบังคับคดีซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปดำเนินการขายทอดตลาดทรัพย์สินของลูกหนี้ ตามคำพิพากษาเพื่อนำเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์สินดังกล่าวไปชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ซึ่งเป็นขั้นตอนของการดำเนินการบังคับคดีภายหลังจากศาลได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดข้อพิพาทของคู่ความในทางแพ่งแล้ว อันเป็นขั้นตอนและกระบวนการในทางแพ่งที่กฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะเพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยแก่ประชาชน การดำเนินการยึดที่ดิน การประกาศขายทอดตลาดที่ดิน และการจัดทำสัญญาซื้อขายที่ดินที่ผู้ฟ้องคดีเป็นผู้ประมูลได้จากการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดี จึงเป็นส่วนหนึ่งของขั้นตอนในการดำเนินการบังคับคดีตามคำพิพากษาตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งบัญญัติไว้ให้สำเร็จลุล่วงไป แม้ข้อพิพาทในคดีนี้จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการของเจ้าหน้าที่รัฐสังกัดกรมบังคับคดี ผู้ถูกฟ้องคดีซึ่งเป็นหน่วยงานทางปกครองก็ตาม แต่เมื่อเป็นข้อพิพาทที่สืบเนื่องมาจากกระบวนวิธีบังคับคดีในทางแพ่งแล้ว ข้อพิพาทจึงไม่มีลักษณะเป็นคดีปกครอง แต่เป็นคดีที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม

ย่อยาว

(สำเนา)

คำวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
ที่ ๕๖/๒๕๕๗

วันที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๕๗

เรื่อง เขตอำนาจศาลเกี่ยวกับพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓)

ศาลปกครองเชียงใหม่
ระหว่าง
ศาลจังหวัดอุตรดิตถ์

การส่งเรื่องต่อคณะกรรมการ
ศาลปกครองเชียงใหม่โดยสำนักงานศาลปกครองส่งเรื่องให้คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาลพิจารณาวินิจฉัยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๐ วรรคหนึ่ง (๓) ซึ่งเป็นกรณีคู่ความฝ่ายที่ถูกฟ้องคดีโต้แย้งเขตอำนาจศาลที่รับฟ้องคดี และศาลที่ส่งความเห็นและศาลที่รับความเห็นมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องเขตอำนาจศาลในคดีนั้น

ข้อเท็จจริงในคดี
เมื่อวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ นายแสงชัย ภูริสัตย์ ผู้ฟ้องคดี ยื่นฟ้อง กรมบังคับคดี ผู้ถูกฟ้องคดี ต่อศาลปกครองเชียงใหม่ เป็นคดีหมายเลขดำที่ ๔๕/๒๕๕๔ ความว่า เมื่อวันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๕๓ ผู้ฟ้องคดีได้เข้าประมูลซื้อที่ดิน น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๑๓๔๑ ตำบลบ้านแก่ง อำเภอตรอน จังหวัดอุตรดิตถ์ ตามประกาศของเจ้าพนักงานบังคับคดี สำนักงานบังคับคดีจังหวัดอุตรดิตถ์ โดยผู้ฟ้องคดีเป็นผู้เสนอราคาสูงสุด และทำสัญญาซื้อขายที่ดินพร้อมวางเงินมัดจำไว้ แต่ต่อมาได้ตรวจสอบตำแหน่งที่ตั้งของที่ดินพบว่า แผนที่สังเขป (ทางไปที่ดิน) ท้ายประกาศของเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ถูกต้อง ไม่ใช่ทางไปที่ดินที่ขายทอดตลาด ทำให้ผู้ฟ้องคดีไม่สามารถเดินทางไปยังที่ดินดังกล่าวได้ อีกทั้งที่ดินแปลงดังกล่าวอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติคลองตรอนฝั่งซ้าย และเนื้อที่บางส่วนทับซ้อนที่ดินของผู้อื่น ผู้ฟ้องคดีได้สอบถามไปยังสำนักงานที่ดินจังหวัดอุตรดิตถ์ สาขาตรอน ได้รับแจ้งว่าที่ดินตาม น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๑๓๔๑ อยู่ในเขตป่าไม้ถาวร (ป่าคลองตรอนฝั่งซ้าย) ทั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี ไม่ดำเนินการขายทอดตลาดที่ดินตามระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยการบังคับคดีของเจ้าพนักงานบังคับคดี พ.ศ. ๒๕๒๒ โดยจัดทำประกาศขายทอดตลาดที่ดินกำหนดลักษณะและคุณสมบัติเกี่ยวกับที่ดินและที่ตั้งของที่ดินไม่ตรงตามสภาพที่แท้จริงของที่ดิน เป็นเหตุให้ผู้ฟ้องคดีหลงเชื่อเข้าประมูลซื้อที่ดิน ทำให้ผู้ฟ้องคดีได้รับความเสียหาย ขอให้พิพากษาหรือมีคำสั่งให้ยกเลิกสัญญาซื้อขายพิพาทและให้ผู้ถูกฟ้องคดีคืนเงินมัดจำแก่ผู้ฟ้องคดี
ผู้ถูกฟ้องคดีให้การว่า การยึดที่ดินพิพาทเป็นการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่โดยชอบ ด้วยกฎหมายและระเบียบ ประกาศขายทอดตลาดที่ดิน น.ส. ๓ ก. ดังกล่าวจะกำหนดคุณลักษณะและคุณสมบัติเกี่ยวกับที่ดินและที่ตั้งตรงกับแผนที่ตั้งทรัพย์สินโดยสังเขปที่ผู้แทนโจทก์เสนอไว้ในคำขอยึดทรัพย์ ซึ่งแสดงให้เห็นสภาพและทำเลที่ตั้งของที่ดินตามสภาพความเป็นจริงและกำหนดเงื่อนไขการเข้าสู้ราคาและข้อสัญญาโดยชัดแจ้ง ผู้ซื้อมีหน้าที่ตรวจสอบรายละเอียดเกี่ยวกับทรัพย์ที่จะซื้อตามที่ปรากฏในประกาศและถือว่าได้ทราบถึงสภาพทรัพย์แล้ว ผู้ฟ้องคดีได้ทำสัญญาซื้อขายที่ดินกับเจ้าพนักงานบังคับคดีแล้ว ย่อมผูกพันตามสัญญาซึ่งระบุไว้ว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่รับรองและไม่รับผิดชอบ แม้เจ้าพนักงานที่ดินแจ้งว่า ที่ดินอยู่ในเขตป่าไม้ถาวร แต่ก็ไม่ได้ระบุว่าเป็นที่ดินที่ไม่มีสิทธิครอบครองตามกฎหมาย ข้อกล่าวอ้างของผู้ฟ้องคดีเป็นข้อกล่าวอ้างลอยๆ ขอให้ยกฟ้อง
ผู้ถูกฟ้องคดียื่นคำร้องโต้แย้งเขตอำนาจศาลว่า มูลเหตุแห่งการฟ้องคดีเกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ราชการตามอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการบังคับคดีกับลูกหนี้ตามคำพิพากษา อันเป็นการใช้อำนาจบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง คดีอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม
ศาลปกครองเชียงใหม่พิจารณาแล้วเห็นว่า การกระทำตามคำฟ้องเป็นการฟ้องว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีใช้อำนาจทางปกครองตามกฎหมายในการขายทอดตลาดที่ดินตามประกาศขายทอดตลาดและแผนที่สังเขปที่ตั้งที่ดินที่จัดทำขึ้นโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย คดีนี้จึงเป็นคดีพิพาทอันเนื่องมาจากการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐใช้อำนาจทางปกครองตามกฎหมาย และเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากใช้อำนาจตามกฎหมาย ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ คดีจึงอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง
ศาลจังหวัดอุตรดิตถ์พิจารณาแล้วเห็นว่า มูลความแห่งคดีนี้สืบเนื่องมาจากการดำเนินการของเจ้าพนักงานบังคับคดีซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ดำเนินการยึด ประกาศขายทอดตลาดและทำการขายทอดตลาดอันเป็นการปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ว่าด้วยการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลซึ่งเป็นขั้นตอนการบังคับคดีภายหลังศาลมีคำพิพากษา อันเป็นขั้นตอนและกระบวนการในทางแพ่งที่กฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะ ดังนั้น การดำเนินการยึดที่ดิน การประกาศขายทอดตลาดที่ดิน และการจัดทำสัญญาซื้อขายที่ดินของเจ้าพนักงานบังคับคดีจึงเป็นส่วนหนึ่งของขั้นตอนในการดำเนินการบังคับคดีตามคำพิพากษาตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งบัญญัติไว้ให้สำเร็จลุล่วงไป แม้ข้อพิพาทจะเกิดจากการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ของรัฐสังกัดกรมบังคับคดี ซึ่งเป็นหน่วยงานทางปกครอง แต่เมื่อเป็นข้อพิพาทที่สืบเนื่องมาจากกระบวนวิธีบังคับคดีทางแพ่งแล้ว ข้อพิพาทในคดีนี้ จึงไม่มีลักษณะเป็นคดีปกครอง แต่เป็นคดีที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม

คำวินิจฉัย
ปัญหาที่ต้องพิจารณา คดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรมหรือศาลปกครอง
คณะกรรมการพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้ผู้ฟ้องคดีเป็นเอกชนยื่นฟ้องผู้ถูกฟ้องคดี ซึ่งเป็นหน่วยงานทางปกครอง โดยอ้างว่า ผู้ฟ้องคดีเข้าประมูลซื้อที่ดิน น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๑๓๔๑ ตามประกาศของเจ้าพนักงานบังคับคดี สำนักงานบังคับคดีจังหวัดอุตรดิตถ์ โดยเป็นผู้เสนอราคาสูงสุดและทำสัญญาซื้อขายที่ดินพร้อมวางเงินมัดจำไว้ แต่ตรวจสอบตำแหน่งที่ตั้งของที่ดินพบว่า แผนที่สังเขป (ทางไปที่ดิน) ท้ายประกาศของเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ถูกต้อง ไม่ใช่ทางไปที่ดินที่ขายทอดตลาด ทำให้ผู้ฟ้องคดี ไม่สามารถเดินทางไปยังที่ดินดังกล่าวได้ อีกทั้งที่ดินอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติคลองตรอนฝั่งซ้ายและเนื้อที่บางส่วนทับซ้อนที่ดินของผู้อื่น ผู้ฟ้องคดีได้สอบถามไปยังสำนักงานที่ดินจังหวัดอุตรดิตถ์ สาขาตรอน ได้รับแจ้งว่าที่ดินตาม น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๑๓๔๑ อยู่ในเขตป่าไม้ถาวร (ป่าคลองตรอนฝั่งซ้าย) ทั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี ไม่ดำเนินการขายทอดตลาดที่ดินตามระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยการบังคับคดีของเจ้าพนักงานบังคับคดี พ.ศ. ๒๕๒๒ โดยจัดทำประกาศขายทอดตลาดที่ดินกำหนดลักษณะและคุณสมบัติเกี่ยวกับที่ดินและที่ตั้งของที่ดินไม่ตรงตามสภาพที่แท้จริงของที่ดิน เป็นเหตุให้ผู้ฟ้องคดีหลงเชื่อเข้าประมูลซื้อที่ดิน ทำให้ผู้ฟ้องคดีได้รับความเสียหาย ขอให้พิพากษาหรือมีคำสั่งให้ยกเลิกสัญญาซื้อขายพิพาท และให้ผู้ถูกฟ้องคดีคืนเงินมัดจำแก่ผู้ฟ้องคดี ส่วนผู้ถูกฟ้องคดีให้การว่า ได้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมายและระเบียบแล้ว ดังนั้น มูลความแห่งคดีนี้จึงสืบเนื่องมาจากการดำเนินการของเจ้าพนักงานบังคับคดีสังกัดผู้ถูกฟ้องคดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลที่บัญญัติให้เจ้าพนักงานบังคับคดี ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปดำเนินการขายทอดตลาดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาเพื่อนำเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์สินดังกล่าวไปชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ซึ่งเป็นขั้นตอนของการดำเนินการบังคับคดีภายหลังจากศาลได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดข้อพิพาทของคู่ความในทางแพ่งแล้ว อันเป็นขั้นตอนและกระบวนการในทางแพ่ง ที่กฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะเพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยแก่ประชาชน การดำเนินการยึดที่ดิน การประกาศขายทอดตลาดที่ดิน และการจัดทำสัญญาซื้อขายที่ดินที่ผู้ฟ้องคดีเป็นผู้ประมูลได้ จากการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดี จึงเป็นส่วนหนึ่งของขั้นตอนในการดำเนินการบังคับคดีตามคำพิพากษาตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งบัญญัติไว้ให้สำเร็จลุล่วงไป แม้ข้อพิพาทในคดีนี้จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการของเจ้าหน้าที่รัฐสังกัดกรมบังคับคดี ผู้ถูกฟ้องคดี ซึ่งเป็นหน่วยงานทางปกครองก็ตาม แต่เมื่อเป็นข้อพิพาทที่สืบเนื่องมาจากกระบวนวิธีบังคับคดีในทางแพ่งแล้ว ข้อพิพาทในคดีนี้จึงไม่มีลักษณะเป็นคดีปกครองที่จะอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) แต่เป็นคดีที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม
จึงวินิจฉัยชี้ขาดว่า คดีระหว่าง นายแสงชัย ภูริสัตย์ ผู้ฟ้องคดี กรมบังคับคดี ผู้ถูกฟ้องคดี อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม

(ลงชื่อ) ดิเรก อิงคนินันท์ (ลงชื่อ) สุวัฒน์ วรรธนะหทัย
(นายดิเรก อิงคนินันท์) (นายสุวัฒน์ วรรธนะหทัย)
ประธานศาลฎีกา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลยุติธรรม

(ลงชื่อ) หัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล (ลงชื่อ) จรัญ หัตถกรรม
(นายหัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล) (นายจรัญ หัตถกรรม)
ประธานศาลปกครองสูงสุด กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลปกครอง

(ลงชื่อ) พลเรือโท กฤษฎา เจริญพานิช (ลงชื่อ) พลตรี พัฒนพงษ์ เกิดอุดม
(กฤษฎา เจริญพานิช) (พัฒนพงษ์ เกิดอุดม)
หัวหน้าสำนักตุลาการทหาร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลทหาร

(ลงชื่อ) จิระ บุญพจนสุนทร
(นายจิระ บุญพจนสุนทร)
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ

Share