คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3602/2556

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำพิพากษาในคดีก่อนที่พิพากษาว่าจำเลยที่ 2 เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย มีผลนับแต่วันมีคำพิพากษาถึงที่สุดตาม ป.พ.พ. มาตรา 1547, 1557 (3) เดิม เมื่อไม่มีบทกฎหมายสารบัญญัติให้สิทธิแก่บุคคลภายนอกที่จะฟ้องขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนคำพิพากษาว่าเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมาย และไม่เข้าข้อยกเว้นกรณีคำพิพากษาหรือคำสั่งไม่ผูกพันบุคคลภายนอกตาม ป.วิ.พ. มาตรา 145 วรรคสอง จึงถือไม่ได้ว่าโจทก์ถูกโต้แย้งสิทธิตาม ป.วิ.พ. มาตรา 55 ผลของการที่ไม่อาจเพิกถอนคำพิพากษาดังกล่าวได้ ทำให้จำเลยที่ 2 มีฐานะเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของผู้ตายซึ่งเป็นทายาทลำดับแรกมีสิทธิได้รับมรดกของผู้ตาย โจทก์ซึ่งเป็นทายาทลำดับถัดลงไปย่อมไม่มีสิทธิในทรัพย์มรดกของผู้ตายตาม ป.พ.พ. มาตรา 1630 วรรคแรก จึงถือไม่ได้ว่าโจทก์ถูกโต้แย้งสิทธิในการรับมรดกของผู้ตาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้ศาลสั่งให้โจทก์และจำเลยที่ 2 ให้แพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญตรวจสารพันธุกรรมหากจำเลยที่ 2 ไม่ใช่บุตรของผู้ตาย ให้ศาลมีคำพิพากษาว่าจำเลยที่ 2 ไม่ใช่บุตรโดยแท้จริงทางสายโลหิตและไม่ใช่บุตรโดยชอบด้วยกฎหมายและไม่ใช่ทายาทโดยธรรมของผู้ตาย ให้ศาลมีคำพิพากษาเพิกถอนคำสั่งของศาลชั้นต้นในคดีแพ่งหมายดำที่ 48/2548 หมายเลขแดงที่ 6/2548 และให้ศาลมีคำพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันคืนทรัพย์มรดกตามบัญชีทรัพย์เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 3 และทรัพย์สินใด ๆ ที่ได้รับในฐานะทายาทโดยธรรมและทรัพย์สินหรือสิทธิใด ๆ ที่ได้รับจากกรมพัฒนาที่ดินในฐานะทายาทโดยธรรมหรือบุตรของผู้ตายคืนให้โจทก์ทั้งหมด
จำเลยทั้งสองยื่นคำให้การและแก้ไขคำให้การขอให้ยกฟ้องโจทก์
ระหว่างการพิจารณาจำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอให้วินิจฉัยข้อกฎหมายเบื้องต้นว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้เนื่องจากเป็นฟ้องซ้ำและดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำกับคดีหมายเลขแดงที่ 6/2548 ของศาลชั้นต้น
โจทก์ยื่นคำคัดค้าน
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 แผนกคดีเยาวชนและครอบครัว พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ เมื่อได้ความว่าศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยที่ 2 เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1547 ย่อมมีผลนับแต่วันมีคำพิพากษาถึงที่สุด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1557 (3) (เดิม) ทั้งไม่มีบทกฎหมายสารบัญญัติใดให้สิทธิแก่บุคคลภายนอกที่จะฟ้องขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนคำพิพากษาว่าเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมาย และไม่เข้าข้อยกเว้นกรณีคำพิพากษาหรือคำสั่งไม่ผูกพันบุคคลภายนอก ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ มาตรา 145 วรรคสอง จึงถือไม่ได้ว่าโจทก์ถูกโต้แย้งสิทธิ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องชอบแล้ว ที่โจทก์ฎีกาว่าเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยที่ 2 เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย จำเลยที่ 2 จึงเป็นทายาทโดยธรรมมีสิทธิรับมรดกของผู้ตายแต่เพียงผู้เดียว ทำให้โจทก์ซึ่งเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกับผู้ตายไม่มีสิทธิรับมรดกของผู้ตาย จึงเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องโดยไม่ต้องกล่าวถึงคดีก่อน ศาลก็มีอำนาจพิพากษาได้นั้น เห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องเป็นใจความว่า นายทรงศักดิ์สุขภาพร่างกายอ่อนแอมีโรคประจำตัวเชื้ออสุจิอ่อน แม้จะอยู่กินฉันสามีภริยากับจำเลยที่ 1 ก็ไม่สามารถมีบุตรได้ จำเลยที่ 2 จึงไม่ใช่บุตรที่แท้จริงของนายทรงศักดิ์ ผู้ตาย ขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนคำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งว่าจำเลยที่ 2 เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของผู้ตายและเรียกทรัพย์มรดกคืน เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งของศาลชั้นต้นเป็นไปตามประเด็นคำฟ้องของโจทก์ชอบแล้ว การที่โจทก์ยกฎีกาว่าผลจากที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยที่ 2 เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของนายทรงศักดิ์ ผู้ตาย เป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ในการรับมรดกของผู้ตายโจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง เห็นว่า ผลของการไม่อาจเพิกถอนคำพิพากษาในคดีก่อนได้คือจำเลยที่ 2 มีฐานะเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของผู้ตายซึ่งเป็นทายาทลำดับแรกที่มีสิทธิได้รับมรดกของผู้ตาย โจทก์ซึ่งเป็นทายาทลำดับถัดลงไปย่อมไม่มีสิทธิในทรัพย์มรดกของผู้ตายและตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1630 วรรคแรก ถือไม่ได้ว่าโจทก์ถูกโต้แย้งสิทธิในการรับมรดกของผู้ตาย แม้โจทก์จะกล่าวอ้างเหตุดังกล่าวก็ไม่ทำให้โจทก์มีอำนาจฟ้องเช่นกัน ที่โจทก์ฎีกาว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องจึงฟังไม่ขึ้น ส่วนฎีกาข้ออื่น ๆ ของโจทก์หาจำต้องยกขึ้นวินิจฉัยไม่ เพราะไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนไป ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษามาศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share