แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
หลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือตามมาตรา 653 วรรคหนึ่ง แห่ง ป.พ.พ. ไม่ใช่แบบแห่งนิติกรรม ทั้งกฎหมายไม่ได้บัญญัติว่าหลักฐานดังกล่าวจะต้องมีขึ้นเฉพาะในขณะที่ทำสัญญากู้ยืม ดังนั้น หลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือจึงอาจมีขึ้นก่อนหรือหลังทำสัญญากู้ยืมก็ได้ เมื่อได้ความว่าหลังจากจำเลยกรอกข้อความในแบบพิมพ์ใบสมัครสินเชื่อบุคคลขอกู้ยืมเงินโจทก์วงเงิน 35,000 บาท ตามเงื่อนไขและข้อตกลงในแบบพิมพ์ดังกล่าวและยื่นต่อโจทก์อันเป็นการทำคำเสนอขอกู้ยืมเงินโจทก์ และวันต่อมาโจทก์แจ้งให้จำเลยทราบว่าตกลงให้จำเลยกู้ยืมเงิน 24,700 บาท ซึ่งอยู่ภายในวงเงินที่จำเลยขอกู้ยืม จึงเป็นคำสนองรับตามคำเสนอของจำเลย สัญญากู้ยืมระหว่างโจทก์และจำเลยจึงเกิดขึ้นและบริบูรณ์ เมื่อโจทก์ส่งมอบเงินที่กู้ยืม โดยโอนเงิน 23,630 บาท เข้าบัญชีที่จำเลยระบุไว้ ดังนี้ ใบสมัครสินเชื่อบุคคลที่จำเลยกรอกข้อความและลงลายชื่อในช่องลายมือของผู้กู้ จึงเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ยืมตามมาตรา 653 วรรคแรก ที่โจทก์ใช้เป็นหลักฐานฟ้องร้องให้บังคับจำเลยตามสัญญากู้ยืมได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 23,906.28 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี และค่าธรรมเนียมอัตราร้อยละ 10 ต่อปี ของต้นเงิน 19,041.81 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงจากสำนวนได้ความว่า เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2547 จำเลยขอสินเชื่อหรือขอกู้ยืมเงินโจทก์โดยกรอกข้อความในแบบพิมพ์ใบสมัครสินเชื่อบุคคลของโจทก์ แล้วยื่นต่อโจทก์วันที่ 15 มีนาคม 2547 โจทก์แจ้งผลการพิจารณาสินเชื่อให้จำเลยทราบว่า ตกลงให้จำเลยกู้ยืมเงิน 24,700 บาท ตามหนังสือแจ้งผลพิจารณาสินเชื่อบุคคล วันที่ 18 มีนาคม 2547 โจทก์โอนเงิน 23,630 บาท เข้าบัญชีเงินฝากของจำเลยที่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขากาดสวนแก้ว ตามที่จำเลยกรอกข้อความไว้ในใบสมัครสินเชื่อบุคคล
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์เพียงข้อเดียวว่า ใบสมัครสินเชื่อบุคคลเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ยืม ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรคหนึ่ง หรือไม่ พิเคราะห์แล้ว แบบพิมพ์ใบสมัครสินเชื่อบุคคลของโจทก์ที่จำเลยกรอกข้อความระบุวงเงินที่ขอกู้จำนวน 35,000 บาท เพื่อซื้อสินค้าอุปโภคและซ่อมแซมที่อยู่อาศัย และกรอกข้อมูลส่วนตัวของจำเลยเกี่ยวกับเลขที่บัตรประจำตัวประชาชน ที่อยู่ อาชีพ ที่ทำงาน ค่าใช้จ่าย ข้อมูลทางการเงินและวิธีรับเงินที่กู้ยืม โดยในแบบพิมพ์นี้มีเงื่อนไขและข้อตกลงต่าง ๆ ของการกู้ยืม จำเลยลงลายมือชื่อในช่องลายมือชื่อของผู้กู้ในเอกสารฉบับนี้ เห็นว่า หลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือตามมาตรา 653 วรรคหนึ่ง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ไม่ใช่แบบแห่งนิติกรรม ทั้งกฎหมายไม่ได้บัญญัติว่าหลักฐานดังกล่าวจะต้องมีขึ้นเฉพาะในขณะที่ทำสัญญากู้ยืม ดังนั้น หลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือจึงอาจมีขึ้นก่อนหรือหลังทำสัญญากู้ยืมก็ได้ เมื่อได้ความว่าหลังจากจำเลยกรอกข้อความในแบบพิมพ์ใบสมัครสินเชื่อบุคคลขอกู้ยืมเงินโจทก์วงเงิน 35,000 บาท ตามเงื่อนไขและข้อตกลงในแบบพิมพ์ดังกล่าวและยื่นต่อโจทก์อันเป็นการทำคำเสนอขอกู้ยืมเงินโจทก์และวันต่อมาโจทก์แจ้งให้จำเลยทราบว่าตกลงให้จำเลยกู้ยืมเงิน 24,700 บาท ซึ่งอยู่ภายในวงเงินที่จำเลยขอกู้ยืมจึงเป็นคำสนองรับตามคำเสนอของจำเลย สัญญากู้ยืมระหว่างโจทก์และจำเลยจึงเกิดขึ้นและบริบูรณ์เมื่อโจทก์ส่งมอบเงินที่กู้ยืม โดยโอนเงิน 23,630 บาท เข้าบัญชีที่จำเลยระบุไว้ในแบบพิมพ์ใบสมัครสินเชื่อบุคคลดังกล่าว ซึ่งพนักงานของโจทก์ได้บันทึกไว้ในเอกสารนั้นด้วย ดังนี้ ใบสมัครสินเชื่อบุคคลที่จำเลยกรอกข้อความและลงลายมือชื่อในช่องลายมือชื่อของผู้กู้ดังกล่าวจึงเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ยืมตามมาตรา 653 วรรคแรก ที่โจทก์ใช้เป็นหลักฐานฟ้องร้องให้บังคับจำเลยตามสัญญากู้ยืมได้ อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น แต่ศาลชั้นต้นยังไม่ได้วินิจฉัยว่าจำเลยจะต้องรับผิดตามสัญญากู้ยืมหรือไม่ เพียงใด ซึ่งเป็นปัญหาข้อเท็จจริง มิใช่ปัญหาข้อกฎหมายที่ขึ้นมาศาลฎีกาโดยตรง ศาลฎีกาไม่อาจวินิจฉัยได้ จึงจำเป็นต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยปัญหาในคดีนี้ให้สิ้นกระแสความแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243 (1) (2) ประกอบมาตรา 247
พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ย้อนสำนวนให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยในประเด็นอื่นที่ยังไม่ได้วินิจฉัยแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้รวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่