คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 12128/2556

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานเป็นคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ผ่านช่องทางด่านตรวจคนเข้าเมือง จำคุก 6 เดือน ฐานเป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 6 เดือน ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุกตลอดชีวิต และปรับ 2,000,000 บาท ฐานร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 4 ปี ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 1 ปี รวมโทษจำเลยที่ 1 ทุกกระทงแล้วให้จำคุกตลอดชีวิตและปรับ 2,000,000 บาท แล้วลดโทษให้จำเลยที่ 1 กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 25 ปี และปรับ 1,000,000 บาท และศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน เป็นการไม่ชอบเพราะไม่ได้ลดโทษก่อนตามมาตรา 78 แล้วจึงรวมโทษตามมาตรา 91 แต่อย่างไรก็ตามเมื่อโจทก์ไม่ได้อุทธรณ์ฎีกา ศาลฎีกาจึงไม่อาจลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ให้ถูกต้องได้ เนื่องจากเป็นการเพิ่มเติมโทษ ซึ่งต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. มาตรา 212 ประกอบมาตรา 225

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 4, 5, 11, 12, 13, 18, 62, 81 พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 102 พระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 มาตรา 4, 6, 62, 106 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 72 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 83, 91 ริบเมทแอมเฟตามีน ไดเมทิลแอมเฟตามีนและโทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลาง
จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ
จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพในฐานความผิดตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 แต่ในฐานความผิดอื่นให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 11, 12 (ที่ถูก 12 (1)), 62 วรรคหนึ่ง, 18 วรรคสอง, 81 พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2), 66 วรรคสาม พระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 มาตรา 62 วรรคหนึ่ง, 106 (ที่ถูก 106 วรรคหนึ่ง) พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 72 วรรคสาม ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานเป็นคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ผ่านช่องทางและด่านตรวจ จำคุกคนละ 6 เดือน ฐานเป็นคนต่างด้าวอยู่อาศัยในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกคนละ 6 เดือน ฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีน ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุกตลอดชีวิต และปรับคนละ 2,000,000 บาท ฐานร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกคนละ 4 ปี ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนที่เป็นของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกคนละ 1 ปี รวมลงโทษจำเลยทั้งสองให้จำคุกตลอดชีวิต และปรับคนละ 2,000,000 บาท จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา นับเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 25 ปี และปรับ 1,000,000 บาท หากจำเลยที่ 1 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 แต่กักขังแทนค่าปรับไม่เกิน 2 ปี ริบเมทแอมเฟตามีน ไดเมทิลแอมเฟตามีนและโทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลาง
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 2 ว่า จำเลยที่ 2 กระทำความผิดตามที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยหรือไม่ สำหรับความผิดตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง จำเลยที่ 2 ไม่อุทธรณ์ คดีจึงยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ส่วนความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 1 ปี และฐานร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 4 ปี ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน จำเลยที่ 2 มิได้ขออนุญาตฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง แม้ศาลชั้นต้นจะรับฎีกาของจำเลยที่ 2 ในปัญหาข้อนี้ไว้ ศาลฎีกาก็ไม่รับวินิจฉัย สำหรับปัญหาว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายหรือไม่นั้น โจทก์มีพันตำรวจโทบุญยิ่ง และจ่าสิบตำรวจวิโรจน์ ผู้จับกุมจำเลยทั้งสองเบิกความได้ใจความในทำนองเดียวกันว่า ในคืนเกิดเหตุหลังจากจับกุมจำเลยที่ 1 ได้ที่หน้าอพาร์ตเมนต์เกิดเหตุแล้ว จำเลยที่ 1 พาเจ้าพนักงานตำรวจไปค้นห้องพักของจำเลยที่ 1 อยู่ที่ชั้นที่สองของอพาร์ตเมนต์ดังกล่าว พบจำเลยที่ 2 ในห้องและพบไดเมทิลแอมเฟตามีน ลักษณะเป็นเกล็ดคล้ายน้ำตาลทรายบรรจุในถุงพลาสติกเล็ก 20 ถุง อยู่บนชั้นวางเครื่องรับโทรทัศน์ กับพบอาวุธปืนพก 1 กระบอก และกระสุนปืน 20 นัด ในตู้เสื้อผ้าภายในห้อง ตู้เสื้อผ้าดังกล่าวมีเสื้อผ้าของจำเลยทั้งสองบรรจุอยู่ และมีนางกัลยา เบิกความว่า พยานเป็นผู้จัดการหอพักเกิดเหตุ รู้จักจำเลยทั้งสองโดยจำเลยทั้งสองมาเช่าห้องพักเกิดเหตุตั้งแต่เดือนตุลาคม 2550 และพยานเห็นจำเลยทั้งสองอยู่ด้วยกันโดยตลอด เห็นว่า นางกัลยาเป็นบุคคลภายนอกมิได้มีส่วนได้เสียกับฝ่ายใด จึงน่าเชื่อว่าพยานปากนี้เบิกความไปตามจริง พยานปากนี้นอกจากจะเป็นผู้จัดการอพาร์ตเมนต์เกิดเหตุแล้วยังเปิดร้านขายของที่อพาร์ตเมนต์เกิดเหตุอีกด้วย ดังนั้น พยานปากนี้ย่อมจะคุ้นเคยและจดจำหน้าตาของผู้ที่พักอาศัยในอพาร์ตเมนต์เกิดเหตุได้ดี พยานปากนี้ยืนยันว่าจำเลยที่ 2 พักอาศัยอยู่ด้วยกันในห้องเกิดเหตุโดยตลอด ทั้งยังทำอาหารรับประทานด้วยกันแทบทุกวัน เมื่อนำมาประกอบคำเบิกความของพันตำรวจโทบุญยิ่งผู้จับกุมจำเลยทั้งสองที่ว่าพบเสื้อผ้าของจำเลยที่ 2 ปะปนอยู่กับเสื้อผ้าของจำเลยที่ 1 ในตู้ในห้องเกิดเหตุแล้ว เชื่อว่าจำเลยที่ 2 อาศัยอยู่ในห้องเกิดเหตุร่วมกับจำเลยที่ 1 อยู่เป็นปกติ สำหรับพยานโจทก์ปากพันตำรวจโทบุญยิ่งและจ่าสิบตำรวจวิโรจน์ต่างยืนยันว่าขณะที่พยานทั้งสองซุ่มดูเหตุการณ์อยู่หน้าอพาร์ตเมนต์เกิดเหตุ เห็นจำเลยที่ 1 เดินลงมาจากอพาร์ตเมนต์เกิดเหตุและลงมายืนอยู่ที่หน้าอพาร์ตเมนต์โดยสะพายกระเป๋ามาด้วย 1 ใบ เมื่อสายลับชี้ตัวจำเลยที่ 1 แล้ว เจ้าพนักงานตำรวจก็เข้าจับกุมจำเลยที่ 1 และพบเมทแอมเฟตามีนบรรจุในถุง ถุงละ 200 เม็ด มัดรวมกันเป็นมัด มัดละ 10 ถุง รวม 4 มัด นับได้ 8,000 เม็ด ต่อมาจำเลยที่ 1 พาไปค้นห้องพักเกิดเหตุเจ้าพนักงานตำรวจจึงพบไดเมทิลแอมเฟตามีนและอาวุธปืนกับเครื่องกระสุนปืนของกลาง เห็นว่า พยานโจทก์ทั้งสองซุ่มดูเหตุการณ์อยู่หน้าอพาร์ตเมนต์เห็นเพียงว่าจำเลยที่ 1 เดินลงมาจากอพาร์ตเมนต์แล้วมายืนอยู่หน้าอพาร์ตเมนต์ดังกล่าว พยานไม่ได้เห็นว่าจำเลยที่ 1 เดินออกมาจากห้องเกิดเหตุหรือไม่ ทั้งไม่เห็นด้วยว่าจำเลยที่ 1 นำเมทแอมเฟตามีนมาจากที่ใด นำออกมาจากห้องเกิดเหตุหรือไม่ พยานหลักฐานของโจทก์ยังไม่พอฟังว่าจำเลยที่ 1 นำเมทแอมเฟตามีนออกมาจากห้องเกิดเหตุเพื่อส่งมอบแก่สายลับ ทั้งขณะที่จำเลยที่ 1 ถูกจับกุมจำเลยที่ 2 มิได้อยู่กับจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 อยู่ในห้องพักเกิดเหตุ จำเลยที่ 1 อาจจะไปนำเมทแอมเฟตามีนซึ่งซุกซ่อนไว้ที่อื่นมิใช่ในห้องเกิดเหตุมาเพื่อส่งมอบแก่สายลับก็เป็นได้ พยานหลักฐานของโจทก์ในส่วนนี้ยังเป็นที่น่าสงสัย เห็นควรยกประโยชน์แห่งความสงสัยในปัญหาข้อนี้ให้แก่จำเลยที่ 2 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรคสอง ส่วนฎีกาประการอื่น ๆ ของจำเลยที่ 2 นั้น เป็นฎีกาในปัญหาปลีกย่อย ไม่มีผลเปลี่ยนแปลงคำวินิจฉัยของศาลฎีกา ไม่จำต้องวินิจฉัย ฎีกาของจำเลยที่ 2 ฟังขึ้นบางส่วน
อนึ่ง จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพในความผิดฐานเป็นคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ผ่านช่องทางและด่านตรวจ และฐานเป็นคนต่างด้าวอยู่อาศัยในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งนับเป็นเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ศาลล่างทั้งสองมิได้ลดโทษให้แก่จำเลยที่ 2 ศาลฎีกาเห็นสมควรลดโทษในความผิดทั้งสองฐานนี้ให้แก่จำเลยที่ 2 และการที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานเป็นคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ผ่านช่องทางและด่านตรวจ จำคุก 6 เดือน ฐานเป็นคนต่างด้าวอยู่อาศัยในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 6 เดือน ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุกตลอดชีวิต และปรับ 2,000,000 บาท ฐานร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 4 ปี และฐานร่วมกันมีอาวุธปืนมีทะเบียนของบุคคลอื่นไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 1 ปี รวมโทษจำเลยที่ 1 ทุกกระทงแล้วให้จำคุกตลอดชีวิตและปรับ 2,000,000 บาท แล้วลดโทษให้จำเลยที่ 1 กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 25 ปี และปรับ 1,000,000 บาท และศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน เป็นการไม่ชอบเพราะไม่ได้ลดโทษก่อนตามมาตรา 78 แล้วจึงรวมโทษตามมาตรา 91 แต่อย่างไรก็ตามเมื่อโจทก์ไม่ได้อุทธรณ์ฎีกา ศาลฎีกาจึงไม่อาจลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ให้ถูกต้องได้ เนื่องจากเป็นการเพิ่มเติมโทษ ซึ่งต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212 ประกอบมาตรา 225
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพในความผิดฐานเป็นคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ผ่านช่องทางและด่านตรวจและฐานเป็นคนต่างด้าวอยู่อาศัยในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้แก่จำเลยที่ 2 ในความผิดทั้งสองฐานกึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 จำคุกฐานละ 3 เดือน คงจำคุกจำเลยที่ 2 ทั้งสิ้นมีกำหนด 5 ปี 6 เดือน ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยกนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1

Share