แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยกรีดกระโปรงนักเรียนของผู้เสียหาย แล้วใช้ลำตัวของจำเลยเบียดที่ลำตัวด้านหลังของผู้เสียหายพร้อมกับใช้อวัยวะเพศของจำเลยดันที่บริเวณก้นของผู้เสียหายขณะอยู่บนรถไฟฟ้าต่อหน้าผู้โดยสารจำนวนมาก ภายหลังจากนั้นจำเลยใช้มือชักอวัยวะเพศของจำเลยเข้าออกเพื่อสำเร็จความใคร่ของตนบนสถานีรถไฟฟ้า จำเลยกระทำการดังกล่าวก็เพื่อกระทำอนาจารผู้เสียหายและกระทำการลามกอันควรขายหน้าต่อธารกำนัล การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำต่อเนื่องเชื่อมโยงในวาระเดียวกัน โดยมีเจตนาเพื่อกระทำอนาจารผู้เสียหายและเป็นผลมาจากการกระทำอนาจาร ลักษณะของเจตนาในการกระทำผิดเป็นอันเดียวกัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวมิใช่หลายกรรม แม้โจทก์บรรยายฟ้องแยกเป็นข้อ ๆ เพื่อแสดงให้เห็นว่าเป็นการกระทำหลายกรรมต่างกันและจำเลยให้การรับสารภาพก็ตาม ก็ไม่ทำให้การกระทำของจำเลยเป็นหลายกรรมต่างกันได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58, 91, 278, 281, 358, 388, 397 และบวกโทษจำคุกของจำเลยที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาดังกล่าวเข้ากับโทษของจำเลยในคดีนี้
จำเลยให้การรับสารภาพ และรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้บวกโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278, 358, 388, 397 (ที่ถูกต้องระบุมาตรา 281 ด้วย) การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษจำเลยฐานกระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปีต่อหน้าธารกำนัล อันเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 1 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 6 เดือน บวกโทษจำคุก 2 เดือน ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 3367/2545 ของศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และความปรากฏแก่ศาลชั้นต้นตามคำแถลงของจำเลยว่าจำเลยกระทำความผิดและศาลรอการลงโทษไว้ ตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2364/2547 ของศาลอาญากรุงเทพใต้ จึงให้บวกโทษจำคุก 30 เดือน ที่รอการลงโทษไว้ในคดีดังกล่าวเข้ากับโทษในคดีนี้ด้วยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58 วรรคหนึ่ง เป็นจำคุก 38 เดือน
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ปรับจำเลย 4,000 บาท อีกสถานหนึ่งลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงปรับเป็นเงิน 2,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 3 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ให้คุมความประพฤติของจำเลยไว้ โดยให้จำเลยปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ศาลอาญากรุงเทพใต้กำหนดไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2364/2547 โดยเคร่งครัด ไม่ชำระค่าปรับให้กักขังแทนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ให้ยกคำขอของโจทก์ที่ขอให้นำโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 3367/2545 ของศาลประจวบคีรีขันธ์มาบวกกับโทษในคดีนี้ และไม่บวกโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2364/2547 ของศาลอาญากรุงเทพใต้ เข้ากับคดีนี้ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ประการแรกว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมหรือไม่ เห็นว่า จำเลยกรีดกระโปรงนักเรียนของนางสาวชฎาทิพย์ ผู้เสียหาย แล้วใช้ลำตัวของจำเลยเบียดที่ลำตัวด้านหลังของผู้เสียหายพร้อมกับใช้อวัยวะเพศของจำเลยดันที่บริเวณก้นของผู้เสียหายขณะอยู่บนรถไฟฟ้าต่อหน้าผู้โดยสารจำนวนมาก ภายหลังจากนั้นจำเลยใช้มือชักอวัยวะเพศของจำเลยเข้าออกเพื่อสำเร็จความใคร่ของตนบนสถานีรถไฟฟ้า จำเลยกระทำการดังกล่าวก็เพื่อกระทำอนาจารผู้เสียหายและกระทำการลามกอันควรขายหน้าต่อธารกำนัล การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำต่อเนื่องเชื่อมโยงในวาระเดียวกัน โดยมีเจตนาเพื่อกระทำอนาจารผู้เสียหายและเป็นผลมาจากการกระทำอนาจารผู้เสียหาย ลักษณะของเจตนาในการกระทำผิดเป็นอันเดียวกัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวมิใช่หลายกรรม แม้โจทก์บรรยายฟ้องแยกเป็นข้อ ก. ข้อ ข. และข้อ ค. เพื่อแสดงให้เห็นว่าเป็นการกระทำผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกันและจำเลยให้การรับสารภาพก็ตาม ก็ไม่ทำให้การกระทำของจำเลยเป็นหลายกรรมต่างกันได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ประการต่อไปว่า ไม่สมควรรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยหรือไม่ เห็นว่า ตามรายการประวัติของจำเลยเอกสารท้ายฎีกาที่จำเลยมิได้ยื่นคำแก้ฎีกาให้เห็นเป็นอย่างอื่น ปรากฏว่าจำเลยกระทำความผิดในลักษณะเดียวกันหลายครั้งประกอบกับตามใบรับรองแพทย์เอกสารท้ายคำแถลงประกอบคำรับสารภาพของจำเลย แพทย์วินิจฉัยว่า จำเลยมีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศและอาการซึมเศร้า การควบคุมตนเองไม่ดี ไม่มีอาการโรคจิต โดยจำเลยเข้ารับการบำบัดตั้งแต่วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2547 ก่อนเกิดเหตุคดีนี้ แสดงว่าการบำบัดรักษาไม่เป็นผล หากปล่อยให้จำเลยใช้ชีวิตในสังคมโดยไม่ควบคุมตัวจำเลยไว้ระยะหนึ่งอาจเป็นอันตรายต่อผู้อื่นและสังคมได้ ที่ศาลอุทธรณ์รอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุกจำเลย 1 ปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงจำคุก 6 เดือน บวกโทษจำคุก 2 เดือน ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 3367/2545 ของศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นจำคุก 8 เดือน ไม่ปรับ ไม่รอการลงโทษ และไม่คุมความประพฤติของจำเลย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์