คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3946/2556

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามอุทธรณ์ของผู้ร้องกล่าวอ้างเพียงว่าศาลชั้นต้นเลือกรับฟังพยานหลักฐานในบางเรื่องแล้วพิจารณาพิพากษาคดีไป โดยอ้างบทกฎหมายคลาดเคลื่อน และผู้ร้องเห็นว่าเป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน อันเป็นข้ออ้างเกี่ยวกับดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานอันนำไปสู่การอ้างว่าการฟังข้อเท็จจริงไม่ชอบทำให้ปรับบทกฎหมายผิด เป็นอุทธรณ์โต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลชั้นต้น เมื่อไม่ปรากฏว่าศาลชั้นต้นรับฟังพยานหลักฐานโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายที่จะเป็นคำพิพากษาที่ฝ่าฝืนต่อบทกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแต่อย่างใด อุทธรณ์ของผู้ร้องจึงต้องห้ามตามมาตรา 45 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับอุทธรณ์ของผู้ร้องไว้พิจารณา

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการโดยอ้างว่าการยอมรับหรือการบังคับตามคำชี้ขาดนั้นจะเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน เนื่องจากคณะอนุญาโตตุลาการวินิจฉัยข้อเท็จจริงโดยรับฟังพยานหลักฐานเพียงฝ่ายเดียว และวินิจฉัยข้อกฎหมายไม่ถูกต้อง จึงยื่นคำร้องให้เพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ ตามพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ.2545 มาตรา 40
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกคำร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 เห็นว่า พระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2545 มาตรา 45 บัญญัติให้อุทธรณ์คำพิพากษาต่อศาลฎีกา จึงให้ส่งสำนวนคืนศาลชั้นต้นเพื่อดำเนินการส่งศาลฎีกาต่อไป
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ผู้ร้องขอเพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการต่อศาล ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้ว ให้ยกคำร้องของผู้ร้อง การที่ผู้ร้องยื่นอุทธรณ์ จึงต้องเป็นไปตามพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ.2545 มาตรา 45 ซึ่งความในมาตรา 45 วรรคท้าย บัญญัติให้อุทธรณ์ต่อศาลฎีกาหรือศาลปกครองสูงสุด การที่ผู้ร้องยื่นอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ภาค 2 จึงไม่ชอบ แต่เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 2 เห็นว่าคดีไม่อยู่ในอำนาจศาลอุทธรณ์ภาค 2 และส่งสำนวนให้ศาลชั้นต้นส่งศาลฎีกา ศาลฎีกาจึงรับวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้ร้องได้ตามความในมาตรา 45 ดังกล่าว แต่กรณีจะอุทธรณ์ได้ตามมาตรา 45 จะต้องได้ความว่า (1) การยอมรับหรือการบังคับตามคำชี้ขาดนั้นจะเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน (2) คำสั่งหรือคำพิพากษานั้นฝ่าฝืนต่อบทกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน (3) คำสั่งหรือคำพิพากษานั้นไม่ตรงกับคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ (4) ผู้พิพากษา หรือตุลาการซึ่งพิจารณาคดีนั้นได้ทำความเห็นแย้งไว้ในคำพิพากษา หรือ (5) เป็นคำสั่งเกี่ยวด้วยการใช้วิธีการชั่วคราวเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของคู่พิพาทตามมาตรา 16 แต่ตามอุทธรณ์ของผู้ร้องกล่าวอ้างเพียงว่าศาลชั้นต้นเลือกรับฟังพยานหลักฐานในบางเรื่อง แล้วพิจารณาพิพากษาคดีไป โดยอ้างบทกฎหมายคลาดเคลื่อนและผู้ร้องเห็นว่าเป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนนั้น ข้ออ้างของผู้ร้องเกี่ยวกับดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานอันจะนำไปสู่การอ้างว่าการฟังข้อเท็จจริงไม่ชอบทำให้ปรับบทกฎหมายผิด ก็เป็นอุทธรณ์โต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลชั้นต้น เมื่อไม่ปรากฎว่าศาลชั้นต้นรับฟังพยานหลักฐานโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายว่าด้วยพยานหลักฐานที่จะเป็นคำพิพากษาที่ฝ่าฝืนต่อบทกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแต่อย่างใด อุทธรณ์ของผู้ร้องจึงต้องห้ามตามมาตรา 45 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับอุทธรณ์ของผู้ร้องไว้พิจารณา
พิพากษายกอุทธรณ์ของผู้ร้อง คืนค่าขึ้นศาลในชั้นอุทธรณ์แก่ผู้ร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์นอกจากที่สั่งคืนให้เป็นพับ

Share