แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำสั่งของศาลอุทธรณ์ที่เห็นว่าโจทก์เสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ไม่ครบถ้วนและมีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นเรียกให้โจทก์ให้ชำระค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ตามทุนทรัพย์ให้ครบถ้วนถูกต้องภายใน 15 วันนับแต่ทราบคำสั่ง เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ แม้โจทก์ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งดังกล่าว โจทก์ก็ต้องชำระค่าขึ้นศาลตามคำสั่งดังกล่าวไปก่อน และโต้แย้งคำสั่งไว้เพื่อใช้สิทธิฎีกาในภายหลัง แต่โจทก์มิได้ดำเนินการชำระค่าขึ้นศาลในชั้นอุทธรณ์ให้ครบถ้วนภายในกำหนดเวลาดังกล่าวจึงถือว่าโจทก์ทิ้งอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 174 (2) ประกอบมาตรา 246 ศาลอุทธรณ์ชอบที่จะจำหน่ายคดีของโจทก์ออกจากสารบบความตาม ป.วิ.พ. มาตรา 132 (1)
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์จำเลยหย่าขาดจากกัน ให้จำเลยเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ทั้งสองแต่เพียงผู้เดียว ให้โจทก์จ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ทั้งสองแก่จำเลยคนละ 10,000 บาท ต่อเดือน นับแต่วันพิพากษาไปจนกว่าบุตรผู้เยาว์แต่ละคนจะบรรลุนิติภาวะ ให้โจทก์ จำเลยแบ่งบ้านเลขที่ 46/3 ตำบลวัดชลอ อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี ที่ดินโฉนดเลขที่ 10645 ตำบลบางขนุน อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี พร้อมสิ่งปลูกสร้างในที่ดินดังกล่าว รถยนต์ยี่ห้อเบนซ์ หมายเลขทะเบียน ขจ 3456 กรุงเทพมหานคร รถยนต์โฟล์คสวาเก้น หมายเลขทะเบียน 1ค 6489 กรุงเทพมหานคร รถยนต์แลนด์โรเวอร์ หมายเลขทะเบียน นน 1964 กรุงเทพมหานคร รถจักรยานยนต์เวสป้า หมายเลขทะเบียน 3 ก กรุงเทพมหานคร 3690 นาฬิกา 4 เรือน กันคนละครึ่ง หากตกลงแบ่งกันไม่ได้ให้นำออกประมูลราคากันระหว่างโจทก์กับจำเลย หรือขายทอดตลาดนำเงินที่ได้มาแบ่งกันคนละครึ่ง ให้โจทก์จำเลยรับผิดในหนี้เงินกู้ที่โจทก์กู้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ สำนักงานใหญ่ คนละครึ่ง ให้โจทก์ชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลย โดยกำหนดค่าทนายความ 20,000 บาท คำขออื่นของจำเลยให้ยก ให้ยกฟ้องโจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมในส่วนของโจทก์ให้ตกเป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ระหว่างอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้โจทก์ชำระค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ตามจำนวนทุนทรัพย์ให้ถูกต้องครบถ้วนภายใน 15 วัน นับแต่วันทราบคำสั่ง โจทก์ได้รับหมายแจ้งคำสั่งแล้ว แต่โจทก์เพิกเฉยไม่ชำระค่าขึ้นศาลภายในกำหนดระยะเวลา ศาลชั้นต้นจึงส่งสำนวนคืนมายังศาลอุทธรณ์เพื่อพิจารณา
ศาลอุทธรณ์แผนกคดีเยาวชนและครอบครัว ให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความของศาลอุทธรณ์ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นรับฟังเป็นยุติว่า หลังจากศาลชั้นมีคำพิพากษา โจทก์อุทธรณ์คำพิพากษา ศาลอุทธรณ์เห็นว่า อุทธรณ์ของโจทก์เป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้หรือเป็นคดีมีทุนทรัพย์ จึงมีคำสั่งให้โจทก์ชำระค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ตามจำนวนทุนทรัพย์ให้ถูกต้องครบถ้วนภายใน 15 วัน นับแต่ทราบคำสั่ง โจทก์ได้รับหมายแจ้งคำสั่งแล้วเพิกเฉยไม่ดำเนินการภายในระยะเวลาที่ศาลอุทธรณ์กำหนด ศาลอุทธรณ์จึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ ที่โจทก์ฎีกาว่าอุทธรณ์ของโจทก์เป็นคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลเพียง 200 บาท ซึ่งโจทก์ได้ชำระแล้ว ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งจำหน่ายคดีให้จึงไม่ชอบนั้น เห็นว่า ถึงแม้โจทก์จะเห็นว่าอุทธรณ์ของโจทก์ต้องเสียค่าขึ้นศาลเพียง 200 บาท และโจทก์เสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ไว้ในชั้นที่โจทก์ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลชั้นต้นแล้ว แต่เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าโจทก์เสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ไม่ครบถ้วนและมีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นเรียกโจทก์ให้ชำระค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ตามทุนทรัพย์ให้ครบถ้วนถูกต้องภายใน 15 วัน นับแต่ทราบคำสั่ง โดยศาลชั้นต้นส่งหมายแจ้งวันนัดคำสั่งศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ทราบโดยชอบแล้ว แม้โจทก์ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งดังกล่าวซึ่งเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โจทก์ก็จำต้องชำระค่าขึ้นศาลตามคำสั่งดังกล่าวไปก่อนและโต้แย้งคำสั่งไว้เพื่อใช้สิทธิฎีกาในภายหลัง แต่โจทก์มิได้ดำเนินการชำระค่าขึ้นศาลในชั้นอุทธรณ์ให้ครบถ้วนภายในกำหนดเวลาดังกล่าว จึงถือว่าโจทก์ทิ้งอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174 (2) ประกอบมาตรา 246 ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 132 (1) ชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ