แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดห้องชุดของจำเลยเพื่อนำออกขายทอดตลาด หากจำเลยเห็นว่าเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินดังกล่าวเกินกรณีจำเป็นแก่การบังคับคดีตาม ป.วิ.พ. มาตรา 248 วรรคหนึ่ง จำเลยชอบที่จะโต้แย้งต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีหรือยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นให้วินิจฉัยว่าการยึดชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ การที่เจ้าพนักงานบังคับคดียื่นคำร้องขอถอนการยึดทรัพย์ดังกล่าวและศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องเพราะไม่มีพยานมาไต่สวน จึงเป็นเรื่องระหว่างศาลกับเจ้าพนักงานบังคับคดี จำเลยซึ่งไม่ได้โต้แย้งการยึดและมีคำขอให้เพิกถอนการยึดมาตั้งแต่ต้น จะใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งยกคำร้องแทนเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ได้
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 32,080.78 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ จำเลยไม่ชำระ โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดห้องชุดเลขที่ 570/250 ตั้งอยู่บนที่ดินโฉนดเลขที่ 715, 23718, 23719, 33476 ตำบลแสนสุข (หนองมน) อำเภอชลบุรี (บางพระ) จังหวัดชลบุรี ของจำเลย ต่อมาเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2553 เจ้าพนักงานบังคับคดีมีหนังสือถึงศาลชั้นต้นความว่า ทรัพย์สินที่โจทก์นำยึดมีราคาประเมิน 839,460 บาท เกินกว่าที่จำเป็นแก่การบังคับคดี ขอให้เพิกถอนการยึดทรัพย์
โจทก์ยื่นคำคัดค้าน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีขอให้ถอนการยึดทรัพย์ โจทก์คัดค้าน แต่เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่มีพยานไต่สวน จึงฟังไม่ได้ว่า โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดอสังหาริมทรัพย์ของจำเลยเกินกว่าจำเป็นแห่งการบังคดี ไม่อนุญาตให้เพิกถอนการยึดทรัพย์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ยกอุทธรณ์ของจำเลย คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์แก่จำเลย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยนั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดห้องชุดเลขที่ 570/250 ตั้งอยู่บนที่ดินโฉนดเลขที่ 715, 23718, 23719, 33476 ตำบลแสนสุข (หนองมน) อำเภอชลบุรี (บางพระ) จังหวัดชลบุรี ของจำเลยขายทอดตลาด หากจำเลยเห็นว่าเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินดังกล่าวเกินกว่ากรณีจำเป็นแก่การบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 284 วรรคหนึ่ง จำเลยชอบที่จะโต้แย้งต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีหรือยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นให้วินิจฉัยได้ว่าการยึดทรัพย์ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีขอถอนการยึดทรัพย์สินดังกล่าว แต่ศาลชั้นต้นยกคำร้องเพราะไม่มีพยานมาไต่สวนให้รับฟังได้ตามคำขอ จึงเป็นเรื่องระหว่างศาลกับเจ้าพนักงานบังคับคดีซึ่งเจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นเจ้าพนักงานซึ่งต้องปฏิบัติตามคำสั่งหรือคำพิพากษาของศาลย่อมไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าว ดังนี้ จำเลยซึ่งไม่ได้โต้แย้งการยึดและมีคำขอให้เพิกถอนการยึดมาตั้งแต่ต้น จะใช้สิทธิยื่นอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้ถอนการยึดแทนเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยว่า จำเลยไม่มีอำนาจยื่นอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว จึงชอบด้วยเหตุผลแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ