คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6802/2553

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ผู้เชี่ยวชาญด้านโปรแกรมคอมพิวเตอร์ของหน่วยงานภาครัฐได้ตรวจเปรียบเทียบคุณสมบัติเฉพาะระหว่างโปรแกรมคอมพิวเตอร์ของผู้เสียหายกับของจำเลยทั้งสามที่พิพาทกันในคดีนี้สรุปความเห็นและจัดทำรายการไว้ว่า โปรแกรมคอมพิวเตอร์ทั้ง 2 ชุด มีชื่อแฟ้มข้อมูลที่ตรงกัน และมีรายงานย่อยที่มีความเหมือนหรือใกล้เคียงกันมากทั้งงานส่วนการออกแบบหน้าจอ ชื่อตัวแปรและหมายเหตุ คำอธิบาย รหัสต้นฉบับ สันนิษฐานว่าน่าจะมาจากต้นตอเดียวกัน เชื่อได้ว่าจำเลยทั้งสามละเมิดลิขสิทธิ์โดยนำโปรแกรมคอมพิวเตอร์ของผู้เสียหายไปทำซ้ำดัดแปลงแฟ้มข้อมูล รายงานย่อย หน้าจอชื่อตัวแปรและหมายเหตุ รหัสต้นฉบับ ในส่วนสาระสำคัญแล้วเปลี่ยนแปลงเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ของกลาง นำออกจำหน่ายแก่บุคคลทั่วไปโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้เสียหายจริง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 4, 6, 8, 15, 30, 31, 61, 69, 70, 75, 76, 78 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 83 ขอให้ริบของกลางทั้งหมด และให้โปรแกรมอินโนวาโปร 2005 ของกลางที่ละเมิดลิขสิทธิ์ตามฟ้องจำนวน 1 โปรแกรม ตกเป็นของเจ้าของลิขสิทธิ์ และให้สั่งจ่ายเงินค่าปรับฐานละเมิดลิขสิทธิ์กึ่งหนึ่งให้แก่ผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 30 (1) ประกอบมาตรา 69 วรรคสอง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ให้ลงโทษปรับจำเลยทั้งสามคนละ 100,000 บาท หากจำเลยที่ 1 ไม่ชำระค่าปรับให้ยึดทรัพย์ใช้ค่าปรับ หากจำเลยที่ 2 และที่ 3 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ริบของกลางทั้งหมด โดยให้โปรแกรมคอมพิวเตอร์อินโนวาโปร 2005 ของกลางที่ละเมิดลิขสิทธิ์ จำนวน 1 โปรแกรม ตกเป็นของเจ้าของลิขสิทธิ์ และจ่ายเงินค่าปรับฐานละเมิดลิขสิทธิ์กึ่งหนึ่งให้แก่ผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า “…พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า บริษัทซอฟท์แวร์ ซัพพลาย จำกัด ผู้เสียหายเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในโปรแกรมคอมพิวเตอร์ MANU 2005 ตามหนังสือรับรองลิขสิทธิ์เอกสารหมาย จ.9 จำเลยทั้งสามร่วมกันทำโปรแกรมคอมพิวเตอร์ อินโนวาโปร 2005 ซึ่งเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ลักษณะเดียวกันกับของบริษัทซอฟท์แวร์ ซัพพลาย จำกัด ผู้เสียหายเสร็จแล้วนำออกเสนอขายแก่บุคคลทั่วไป ต่อมาเจ้าพนักงานจับกุมจำเลยที่ 2 และที่ 3 แล้วฟ้องจำเลยทั้งสามเป็นคดีนี้ คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสามว่า จำเลยทั้งสามได้กระทำความผิดตามฟ้องโจทก์หรือไม่ โจทก์มีนายวรายุพ์ นางสาววีนัส จ่าสิบตำรวจศรัณญู และพันตำรวจตรีณรงค์ เป็นพยานเบิกความเกี่ยวกับขั้นตอนที่พบการกระทำความผิดของจำเลยทั้งสาม การตรวจสอบการกระทำความผิด และการจับกุมได้สอดคล้องต้องกัน ทั้งสอดคล้องกับเอกสารต่าง ๆ ที่โจทก์อ้างเป็นพยานหลักฐาน โดยไม่ปรากฏว่าฝ่ายจำเลยนำสืบหักล้างเป็นอย่างอื่น สำหรับปัญหาว่า โปรแกรมคอมพิวเตอร์ของจำเลยทั้งสามจะเป็นการทำซ้ำ ดัดแปลงโปรแกรมคอมพิวเตอร์ของผู้เสียหายหรือไม่ ได้ความจากพยานโจทก์ปากนายวศิน พยานคนกลางซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโปรแกรมคอมพิวเตอร์ของหน่วยภาครัฐและเป็นผู้ตรวจเปรียบเทียบคุณสมบัติเฉพาะระหว่างโปรแกรมคอมพิวเตอร์ของผู้เสียหายกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์ของจำเลยทั้งสามที่พิพาทกันในคดีนี้ อันได้ข้อสรุปความเห็นและจัดทำรายการไว้ว่า โปรแกรมคอมพิวเตอร์ทั้งสองชุดดังกล่าวมีชื่อแฟ้มข้อมูลที่ตรงกัน และมีรายงานย่อยที่มีความเหมือนหรือใกล้เคียงกันมาก ทั้งงานส่วนการออกแบบหน้าจอ ชื่อตัวแปรและหมายเหตุ คำอธิบาย รหัสต้นฉบับ สันนิษฐานว่าน่าจะมาจากต้นตอเดียวกัน พยานหลักฐานโจทก์ดังกล่าวข้างต้นจึงมีน้ำหนักน่าเชื่อถือและมีเหตุผลเชื่อได้ว่าจำเลยทั้งสามได้ละเมิดลิขสิทธิ์โดยนำโปรแกรมคอมพิวเตอร์ของผู้เสียหายชื่อโปรแกรมคอมพิวเตอร์ MANU 2005 ไปทำซ้ำดัดแปลงแฟ้มข้อมูล รายงานย่อย หน้าจอ ชื่อตัวแปร และหมายเหตุ รหัสต้นฉบับ ในส่วนสาระสำคัญแล้วเปลี่ยนแปลงเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ อินโนวาโปร 2005 ของกลาง นำออกจำหน่ายแก่บุคคลทั่วไปโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้เสียหายจริงอันเป็นการกระทำความผิดตามฟ้อง ข้อต่อสู้ของจำเลยที่ 3 ที่ว่า โปรแกรมคอมพิวเตอร์ของกลางแตกต่างจากโปรแกรมคอมพิวเตอร์ของผู้เสียหาย จึงไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานโจทก์ ทั้งข้อต่อสู้ที่ว่าโปรแกรมคอมพิวเตอร์ของกลางจำเลยที่ 3 เป็นผู้พัฒนาขึ้น จำเลยที่ 3 ย่อมมีสิทธิในโปรแกรมนั้นก็เป็นข้อกล่าวอ้างลอย ๆ และขัดกับเอกสารการรับสมัครงานและกฎข้อบังคับของบริษัทผู้เสียหาย เป็นผลให้ข้อต่อสู้ดังกล่าวของจำเลยทั้งสามไม่มีน้ำหนักน่าเชื่อถือพอที่จะหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ได้ ส่วนอุทธรณ์ข้ออื่นของจำเลยทั้งสามล้วนเป็นพลความ ไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงผลคดีได้ ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาว่าจำเลยทั้งสามกระทำความผิดตามฟ้องและลงโทษจำเลยทั้งสามนั้น ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศเห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของจำเลยทั้งสามทุกข้อฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share