คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3664/2554

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ป.วิ.พ. มาตรา 189 บัญญัติว่า คดีมโนสาเร่ คือ (ง) คดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ไม่เกินสามแสนบาท และมาตรา 190 จัตวา วรรคหนึ่ง (เดิม) บัญญัติว่า ในคดีมโนสาเร่ ให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลในศาลชั้นต้นเท่ากับจำนวนค่าขึ้นศาลที่เรียกเก็บในคดีที่มาคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ซึ่งตาราง 1 (2) (ก) ต่อท้าย ป.วิ.พ. (เดิม) กำหนดว่า “คดีทั่วไปรวมทั้งคดีไม่มีข้อพิพาทให้เรียกเรื่องละสองร้อยบาท” ตามฟ้องโจทก์อ้างว่า จำเลยทั้งสามผิดสัญญาหมั้น ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันหรือแทนกันคืนสินสอดและชดใช้ค่าเสียหาย รวมเป็นเงินจำนวน 150,000 บาท ดังนี้ เป็นคำฟ้องขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ไม่เกินสามแสนบาท ย่อมเป็นคดีมโนสาเร่และเสียค่าขึ้นศาลเพียงสองร้อยบาท ตามบทกฎหมายและตารางต่อท้ายบทกฎหมายดังกล่าวข้างต้น เมื่อโจทก์ชำระค่าขึ้นศาล 200 บาท จึงถูกต้องตามบทกฎหมายและตารางต่อท้ายบทกฎหมายดังกล่าวแล้ว แม้ศาลชั้นต้นจะเป็นศาลเยาวชนและครอบครัว แต่ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2534 มิได้บัญญัติเรื่องค่าขึ้นศาลไว้ก็ต้องนำ ป.วิ.พ. มาใช้บังคับโดยอนุโลม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง ขอให้บังคับจำเลยที่ 2 และที่ 3 ร่วมกันหรือแทนกันคืนค่าสินสอดจำนวน 100,000 บาท และให้จำเลยทั้งสามร่วมกันหรือแทนกันชดใช้ค่าเสียหายในการจัดงานแต่งงานเป็นเงิน 50,000 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของเงินจำนวนดังกล่าว นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องแล้วมีคำสั่งว่า คดีนี้เป็นคดีสามัญอันมีทุนทรัพย์ซึ่งต้องเสียค่าขึ้นศาลในอัตราร้อยละ 2.5 ของทุนทรัพย์ จึงให้โจทก์ชำระค่าขึ้นศาลให้ครบภายใน 15 วัน นับแต่วันนี้ มิฉะนั้นถือว่าทิ้งฟ้อง เมื่อครบกำหนด โจทก์ไม่ชำระค่าขึ้นศาลให้ครบถ้วน ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งไม่รับฟ้อง คืนค่าขึ้นศาลให้โจทก์
โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัว วินิจฉัยว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 189, 190 จัตวา วรรคหนึ่ง (เดิม) และ ตาราง 1 (2) (ก) ต่อท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (เดิม) ซึ่งใช้บังคับขณะยื่นฟ้องคดีนี้ โดยมาตรา 189 บัญญัติว่า “คดีมโนสาเร่ คือ (1) คดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ไม่เกินสามแสนบาทหรือไม่เกินจำนวนที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา (2)…” และมาตรา 190 จัตวา วรรคหนึ่ง (เดิม) บัญญัติว่า “ในคดีมโนสาเร่ ให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลในศาลชั้นต้นเท่ากับจำนวนค่าขึ้นศาลที่เรียกเก็บในคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้” ซึ่งตาราง 1 (2) (ก) ต่อท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (เดิม) กำหนดว่า “คดีทั่วไปรวมทั้งคดีไม่มีข้อพิพาทให้เรียกเรื่องละสองร้อยบาท” ตามฟ้องโจทก์อ้างว่า จำเลยทั้งสามผิดสัญญาหมั้น ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันหรือแทนกันคืนสินสอดและชดใช้ค่าเสียหาย รวมเป็นเงินจำนวน 150,000 บาท ดังนี้ เป็นคำฟ้องขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ไม่เกินสามแสนบาทย่อมเป็นคดีมโนสาเร่และเสียค่าขึ้นศาลเพียงสองร้อยบาท ตามบทกฎหมายและตารางต่อท้ายบทกฎหมายดังกล่าวข้างต้น เมื่อโจทก์ชำระค่าขึ้นศาล 200 บาท จึงถูกต้องตามบทกฎหมายและตารางต่อท้ายบทกฎหมายดังกล่าวแล้ว แม้ศาลชั้นต้นจะเป็นศาลเยาวชนและครอบครัวแต่ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2534 มิได้บัญญัติเรื่องค่าขึ้นศาลไว้จึงต้องนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับโดยอนุโลม

Share