คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7409/2553

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ของกลางในคดีความผิดเกี่ยวกับการละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นเพื่อการค้าโดยการขาย เสนอขาย มีไว้เพื่อขายซึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้ที่ไม่ปรากฏผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ย่อมไม่มีผู้เสียหายรายใดที่จะร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีแก่จำเลย พนักงานสอบสวนจึงไม่มีอำนาจสอบสวน โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยตามพ.ร.บ.จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 26 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 120 และมาตรา 121 วรรคสอง ซึ่งเท่ากับยังไม่มีการพิจารณาความผิดของจำเลยส่วนนี้ และรับฟังเป็นยุติยังไม่ได้ว่าของกลางเป็นสิ่งที่ได้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่น จึงต้องคืนให้แก่เจ้าของ
ผู้เสียหายเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์มีสิทธิได้รับค่าปรับกึ่งหนึ่งเฉพาะค่าปรับที่จำเลยได้ชำระตามคำพิพากษาฐานละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นเพื่อการค้าเท่านั้น เมื่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิจารณาลงโทษปรับจำเลยในความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นเพื่อการค้าและความผิดฐานประกอบกิจการให้ เช่า แลกเปลี่ยน หรือจำหน่ายวีดิทัศน์โดยไม่ได้รับใบอนุญาต แต่กลับพิพากษาให้จ่ายค่าปรับให้แก่ผู้เสียหายกึ่งหนึ่งโดยมิได้ระบุว่าให้จ่ายจากค่าปรับที่จำเลยชำระตามความผิดฐานใด จึงไม่ถูกต้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2551 เวลากลางคืนหลังเที่ยงจำเลยกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน คือ จำเลยละเมิดลิขสิทธิ์งานสร้างสรรค์ประเภทงานดนตรีกรรม สิ่งบันทึกเสียง และโสตทัศนวัสดุของบริษัทจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ผู้เสียหายที่ 1 บริษัทลิขสิทธิ์เพลง จำกัด ผู้เสียหายที่ 2 ซึ่งเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย โดยจำเลยขาย เสนอขาย และมีไว้เพื่อขายซึ่งแผ่นเอ็มพีสาม แผ่นวีซีดีและแผ่นซีดีคาราโอเกะเพลงที่ละเมิดลิขสิทธิ์เพลงตามบัญชีรายชื่อเพลงที่ถูกละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายทั้งสองและตามบัญชีของกลางเอกสารท้ายฟ้อง รวม 430 แผ่น ซึ่งผู้เสียหายทั้งสองได้สร้างสรรค์งานขึ้นในราชอาณาจักรและโฆษณางานในราชอาณาจักรแล้ว และแผ่นซีดีเพลงคาราโอเกะไม่ปรากฏเจ้าของลิขสิทธิ์อีก 21 แผ่น ทั้งนี้เพื่อการค้าหากำไร โดยจำเลยรู้อยู่แล้วหรือมีเหตุอันควรรู้ว่าแผ่นเอ็มพีสาม แผ่นวีซีดีและซีดีคาราโอเกะเพลงดังกล่าวเป็นงานที่ได้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายทั้งสองและจำเลยประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยน หรือจำหน่ายแผ่นเอ็มพีสาม แผ่นวีซีดีและซีดีคาราโอเกะเพลงอันเป็นวีดิทัศน์ 451 แผ่น โดยจำเลยเป็นเจ้าของทำเป็นธุรกิจและได้รับประโยชน์ตอบแทนอยู่ที่ตลาดนัดบ้านนาบอน ตำบลวิชิต อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนและไม่ได้รับการยกเว้นใด ๆ ตามกฎหมาย เหตุเกิดที่ตำบลวิชิต อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต เจ้าพนักงานยึดแผ่นเอ็มพีสาม แผ่นวีซีดีและซีดีคาราโอเกะเพลงตามฟ้องข้างต้นเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 4 , 6 , 8 , 31 , 70 , 75 , 76 พระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.2551 มาตรา 4 , 54 , 82 และสั่งริบของกลางให้ตกเป็นของผู้เสียหายทั้งสอง กับจ่ายเงินค่าปรับแก่ผู้เสียหายทั้งสองกึ่งหนึ่ง และปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งหมื่นบาทตลอดเวลาที่ฝ่าฝืนอยู่
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 70วรรคสอง ประกอบมาตรา 31 (1) พระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.2551 มาตรา 82 ประกอบมาตรา 54 วรรคหนึ่ง การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นเพื่อการค้า ให้ลงโทษจำคุก 3 เดือน
และปรับ 94,000 บาท ความผิดฐานประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยน หรือจำหน่ายวีดิทัศน์โดยทำเป็นธุรกิจหรือได้รับประโยชน์ตอบแทนโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ให้ลงโทษปรับ 100,000 บาท รวมเป็นจำคุก 3 เดือน และปรับ 194,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 เดือน 15 วัน และปรับ 97,000 บาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้บังคับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ให้ของกลางที่ละเมิดลิขสิทธิ์ตามฟ้องตกเป็นของเจ้าของลิขสิทธิ์ จ่ายเงินค่าปรับให้แก่ผู้เสียหายทั้งสองกึ่งหนึ่ง คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยอุทธรณ์ขอให้ลดโทษปรับนั้น เห็นว่า สำหรับความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นเพื่อการค้าตามมาตรา 31 (1) แห่งพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 ในส่วนของโทษปรับ มาตรา 70 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติเดียวกันกำหนดให้ปรับตั้งแต่ห้าหมื่นบาทถึงสี่แสนบาท และปรากฏข้อเท็จจริงตามคำฟ้องของโจทก์ที่จำเลยให้การรับสารภาพว่า จำเลยขาย เสนอขาย และมีไว้เพื่อขายซึ่งงานที่ละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายทั้งสองเป็นแผ่นเอ็มพีสาม แผ่นวีซีดี และแผ่นซีดีคาราโอเกะเพลง 430 แผ่น ยังไม่อาจถือได้ว่าจำเลยเป็นผู้ค้ารายใหญ่ ทั้งแผ่นเอ็มพีสาม แผ่นวีซีดี และแผ่นซีดีคาราโอเกะเพลงจำนวนดังกล่าวยังเป็นส่วนหนึ่งของแผ่นเอ็มพีสาม แผ่นวีซีดี และแผ่นซีดีคาราโอเกะจำนวนเดียวกับที่จำเลยประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยน หรือจำหน่ายวีดิทัศน์โดยไม่ได้รับใบอนุญาตอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.2551 มาตรา 54 วรรคหนึ่ง ซึ่งจำเลยจะต้องระวางโทษปรับตามที่พระราชบัญญัติดังกล่าวกำหนดโทษปรับไว้เพียงสถานเดียวในอีกวาระหนึ่งด้วย ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางลงโทษจำเลยในความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นเพื่อการค้าในส่วนโทษปรับโดยให้ปรับ 94,000 บาท ก่อนลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 นั้น นับว่าหนักเกินไป ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศเห็นสมควรแก้ไขกำหนดโทษปรับจำเลยสำหรับความผิดฐานนี้เสียใหม่ให้เหมาะสมแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งการกระทำความผิดของจำเลย โดยกำหนดโทษปรับขั้นต่ำสุดตามที่มาตรา 70 วรรคสองกำหนดไว้ ส่วนข้อหาความผิดฐานประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยน หรือจำหน่ายวีดิทัศน์โดยไม่ได้รับใบอนุญาตตามมาตรา 54 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.2551 นั้น มาตรา 82 แห่งพระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.2551 กำหนดโทษสำหรับผู้กระทำความผิดฐานนี้ให้ระวางโทษปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงห้าแสนบาทดังนั้นที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางกำหนดโทษจำเลยให้ปรับ 100,000 บาท แล้วลดโทษปรับให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 เป็นการลงโทษปรับขั้นต่ำสุดของกฎหมายและลดโทษให้ในอัตราสูงสุดตามกฎหมายแล้ว จึงไม่อาจลงโทษปรับสำหรับความผิดฐานนี้ในสถานเบากว่านี้ได้ อุทธรณ์ของจำเลยข้อนี้ฟังขึ้นบางส่วน
อนึ่ง คดีนี้โจทก์บรรยายคำฟ้องว่า จำเลยขาย เสนอขาย และมีไว้เพื่อขายซึ่งแผ่นเอ็มพีสาม แผ่นวีซีดีและแผ่นซีดีคาราโอเกะเพลงที่ละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายทั้งสองรวม 430 แผ่น และแผ่นซีดีเพลงคาราโอเกะไม่ปรากฏเจ้าของลิขสิทธิ์อีก 21 แผ่น โดยเจ้าพนักงานยึดแผ่นเอ็มพีสาม แผ่นวีซีดี และแผ่นซีดีคาราโอเกะทั้งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายทั้งสอง รวม 430 แผ่น และที่ไม่ปรากฏเจ้าของลิขสิทธิ์อีก 21 แผ่นเป็นของกลาง กับมีคำขอให้ศาลสั่งริบของกลางให้ตกเป็นของผู้เสียหายทั้งสอง ซึ่งตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 75 บรรดาสิ่งที่ได้ทำขึ้นอันเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์และยังเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้กระทำความผิดมาตรา 70 ให้ตกเป็นของเจ้าของลิขสิทธิ์ เมื่อข้อเท็จจริงฟังยุติตามคำฟ้องของโจทก์ที่จำเลยให้การรับสารภาพว่า เฉพาะของกลางจำนวน 430 แผ่นเท่านั้นที่ละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายทั้งสองที่ได้ร้องทุกข์ดำเนินคดีแก่จำเลยเป็นคดีนี้ ศาลจึงมีอำนาจสั่งให้ของกลางที่ละเมิดลิขสิทธิ์จำนวนดังกล่าวเท่านั้นตกเป็นของผู้เสียหายทั้งสองที่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้ของกลางที่ละเมิดลิขสิทธิ์ตามฟ้องให้ตกเป็นของเจ้าของลิขสิทธิ์นั้น ไม่ชัดเจนว่าเป็นของกลางจำนวนใด ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง ส่วนของกลางอีก 21 แผ่นที่ไม่ปรากฏผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์นั้น ตามคำฟ้องโจทก์แสดงให้เห็นว่ายังไม่มีผู้เสียหายรายใดร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีแก่จำเลยในส่วนนี้ พนักงานสอบสวนย่อมไม่มีอำนาจสอบสวนในความผิดที่เกี่ยวกับการละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นเพื่อการค้าโดยการขาย เสนอขาย มีไว้เพื่อขายของกลางทั้ง 21 แผ่นดังกล่าว ซึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยในความผิดนี้ ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 26 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 120 และมาตรา 121 วรรคสอง ซึ่งเท่ากับยังไม่มีการพิจารณาความผิดของจำเลยส่วนนี้ และรับฟังเป็นยุติยังไม่ได้ว่า ของกลางทั้ง 21 แผ่น เป็นสิ่งที่ได้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่น จึงต้องคืนให้แก่เจ้าของ ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ นอกจากนี้ ในส่วนของค่าปรับที่ได้ชำระตามคำพิพากษา ให้ศาลสั่งจ่ายแก่เจ้าของลิขสิทธิ์เป็นจำนวนกึ่งหนึ่ง ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 76 ดังนั้น ผู้เสียหายทั้งสองซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์จึงมีสิทธิได้รับค่าปรับกึ่งหนึ่งเฉพาะค่าปรับที่จำเลยได้ชำระตามคำพิพากษาฐานละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นเพื่อการค้าเท่านั้น เมื่อคดีนี้ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาลงโทษปรับจำเลยทั้งในความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นเพื่อการค้าและความผิดฐานประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยน หรือจำหน่ายวีดิทัศน์โดยไม่ได้รับใบอนุญาต แต่กลับพิพากษาให้จ่ายค่าปรับให้แก่ผู้เสียหายทั้งสองกึ่งหนึ่งโดยมิได้ระบุว่าให้จ่ายจากค่าปรับที่จำเลยชำระตามความผิดฐานใด จึงไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้องเช่นนั้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า ความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นเพื่อการค้า ให้ปรับ 50,000 บาท เมื่อลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงปรับ 25,000 บาท เมื่อรวมกับโทษฐานประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยน หรือจำหน่ายวีดิทัศน์โดยไม่ได้รับใบอนุญาตแล้ว เป็นปรับ 75,000 บาท ให้แผ่นเอ็มพีสาม แผ่นวีซีดี และแผ่นซีดีคาราโอเกะเพลงของกลางที่ละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายทั้งสอง 430 แผ่น ตกเป็นของผู้เสียหายทั้งสองซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ ส่วนแผ่นซีดีเพลงคาราโอเกะของกลางอีก 21 แผ่น ให้คืนแก่เจ้าของ ให้จ่ายค่าปรับที่ได้ชำระตามคำพิพากษาฐานละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นเพื่อการค้าแก่ผู้เสียหายทั้งสอง ซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เป็นจำนวนกึ่งหนึ่ง นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง

Share