แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 1 ย้ายภูมิลำเนาไปที่อื่นเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2539 ก่อนที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ปิดหมาย นอกจากนี้ยังปรากฏว่าคดีหลักของคดีนี้ถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ซึ่งมีการอ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2538 กรณีจึงไม่มีเหตุที่จำเลยที่ 1 จะต้องดำเนินการแจ้งย้ายภูมิลำเนาในคดีหลักให้ศาลทราบอีกต่อไป และไม่อาจถือได้ว่าภูมิลำเนาในคดีหลักยังเป็นภูมิลำเนาเฉพาะการในการดำเนินคดีนี้ของจำเลยที่ 1 เพราะภูมิลำเนาของบุคคลย่อมเปลี่ยนไปด้วยการย้ายถิ่นที่อยู่พร้อมด้วยเจตนาชัดแจ้งว่าจะเปลี่ยนภูมิลำเนาตาม ป.พ.พ. มาตรา 41
ผู้ร้องทราบว่าจำเลยที่ 1 ย้ายภูมิลำเนาใหม่แล้ว ตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2540 ซึ่งเป็นวันก่อนที่ผู้ร้องจะยื่นคำร้องในคดีนี้ การส่งหมายนัดไต่สวนคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองก่อนเจ้าหนี้อื่นของผู้ร้องแก่จำเลยที่ 1 จึงเป็นการไม่ชอบตาม ป.วิ.พ. มาตรา 74 (2) ย่อมเป็นการพิจารณาที่ผิดระเบียบและทำให้จำเลยที่ 1 เสียหายเพราะไม่มีโอกาสได้คัดค้านคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองก่อนเจ้าหนี้อื่นของผู้ร้องซึ่งศาลฎีกามีอำนาจที่จะมีคำสั่งให้เพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบนั้นเสียทั้งหมดหรือบางส่วนหรือสั่งแก้ไขหรือมีคำสั่งในเรื่องนั้นอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่เห็นสมควรได้ตามมาตรา 27 การที่ศาลชั้นต้นด่วนมีคำสั่งยกคำร้องของจำเลยที่ 1โดยไม่ทำการไต่สวนคำร้องให้ทราบข้อเท็จจริงแน่ชัดเสียก่อนเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาโดยไม่ชอบและศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ศาลฎีกาชอบที่จะยกคำสั่งดังกล่าวของศาลล่างทั้งสองเสียได้ตามมาตรา 243 (1) และมาตรา 27 ประกอบมาตรา 246 และมาตรา 247 โดยให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนคำร้องของจำเลยที่ 1
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยที่ 1 และที่ 3 ถึงที่ 5 ร่วมกันชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 188,125 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ ให้ร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นแทนโจทก์ โดยกำหนดเป็นค่าทนายความ 5,000 บาท เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ใช้เท่าทุนทรัพย์ที่โจทก์ ชนะคดี ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 124765 ตำบลทุ่งสองห้อง (ลาดโตนด) อำเภอบางเขน กรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้างเลขที่ 1/163 ของจำเลยที่ 1 เพื่อนำออกขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้โจทก์ตามคำพิพากษา
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 1 ที่โจทก์นำยึดจำเลยที่ 1 ทำสัญญาจำนองไว้เป็นประกันหนี้ที่มีอยู่แก่ผู้ร้อง เมื่อจำเลยที่ 1 ผิดสัญญาผู้ร้องได้ยื่นฟ้องจำเลยที่ 1 ต่อศาลแพ่งและศาลแพ่งมีคำพิพากษาตามยอมให้จำเลยที่ 1 กับนางสาวนวลศรีหรือนวนศรี ชำระหนี้ไถ่ถอนจำนองหลักทรัพย์ทั้งหมดให้แก่ผู้ร้อง ผู้ร้องในฐานะเป็นเจ้าหนี้บุริมสิทธิและเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา จึงขอรับชำระหนี้บุริมสิทธิจำนองก่อนเจ้าหนี้อื่น
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องรับชำระหนี้จำนองก่อนเจ้าหนี้อื่น
จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องว่า จำเลยที่ 1 ไม่เคยได้รับหมายนัดไต่สวนคำร้องขอรับชำระหนี้บุริมสิทธิของผู้ร้อง เนื่องจากหมายนัดไต่สวนคำร้องที่ส่งให้แก่จำเลยที่ 1 ที่บ้านเลขที่ 710/85 หมู่ที่ 12 แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร นั้น จำเลยที่ 1 ย้ายออกมานานแล้ว และย้ายเข้ามาอยู่บ้านเลขที่ 1/163 หมู่ที่ 6 ซอยชินเขต 1 แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม 2539 จนถึงปัจจุบัน ขอให้เพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้อื่น
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องของจำเลยที่ 1 ค่าคำร้องให้เป็นพับ
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ว่า การส่งหมายนัดไต่สวนคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองก่อนเจ้าหนี้อื่นของผู้ร้องแก่จำเลยที่ 1 ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องว่า การส่งหมายนัดไต่สวนคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองก่อนเจ้าหนี้อื่นแก่จำเลยที่ 1 ที่บ้านเลขที่ 710/85 หมู่ที่ 12 แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร ไม่ชอบ เนื่องจากจำเลยที่ 1 มิได้มีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ดังกล่าว แต่จำเลยที่ 1 ได้ย้ายภูมิลำเนาไปอยู่บ้านเลขที่ 1/163 หมู่ที่ 6 ซอยชินเขต 1 แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม 2539 เป็นกรณีที่จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 โดยมีหลักฐานแนบมาท้ายคำร้องคือสำเนาทะเบียนบ้านเลขที่ 1/163 หมู่ที่ 6 ซอยชินเขต 1 แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร ซึ่งมีข้อความระบุว่าจำเลยที่ 1 ย้ายภูมิลำเนามาจากบ้านเลขที่ 710/85 หมู่ที่ 12 แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร ไปที่บ้านเลขที่ 1/163 หมู่ที่ 6 ซอยชินเขต 1 แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2539 ซึ่งเป็นวันก่อนที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ปิดหมายตามคำแถลงของผู้ร้อง นอกจากนี้ก็ปรากฏว่าคดีหลักของคดีนี้ถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ซึ่งมีการอ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2538 กรณีจึงไม่มีเหตุที่จำเลยที่ 1 จะต้องดำเนินการแจ้งย้ายภูมิลำเนาในคดีหลักอีกต่อไป และไม่อาจถือได้ว่าภูมิลำเนาในคดีหลักยังเป็นภูมิลำเนาเฉพาะการในการดำเนินคดีนี้ของจำเลยที่ 1 เพราะภูมิลำเนาของบุคคลย่อมเปลี่ยนไปด้วยการย้ายถิ่นที่อยู่พร้อมด้วยเจตนาชัดแจ้งว่าจะเปลี่ยนภูมิลำเนา ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 41 ซึ่งจำเลยที่ 1 ก็ได้แสดงเจตนาไว้โดยชัดแจ้งแล้วว่าได้เปลี่ยนภูมิลำเนาจากบ้านเลขที่ 710/85 หมู่ที่ 12 แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร ไปอยู่ที่บ้านเลขที่ 1/163 หมู่ที่ 6 ซอยชินเขต 1 แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร แล้วตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม 2539 ก่อนที่ผู้ร้องจะยื่นคำร้องดังกล่าวในวันที่ 9 ธันวาคม 2542 อีกทั้งยังปรากฏตามหนังสือสัญญาจำนองที่ดินเป็นประกันเอกสารท้ายคำร้องซึ่งทำขึ้นระหว่างผู้ร้องกับจำเลยที่ 1 เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2540 ก็ระบุว่าจำเลยที่ 1 มีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 1/163 หมู่ที่ 6 หมู่บ้านชินเขต ตำบลทุ่งสองห้อง อำเภอดอนเมือง กรุงเทพมหานคร ย่อมแสดงอยู่ในตัวว่า ผู้ร้องทราบว่าจำเลยที่ 1 ย้ายภูมิลำเนาใหม่แล้ว ตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2540 ซึ่งเป็นวันก่อนที่ผู้ร้องจะยื่นคำร้องในคดีนี้ การส่งหมายนัดไต่สวนคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองก่อนเจ้าหนี้อื่นของผู้ร้องแก่จำเลยที่ 1 จึงเป็นการไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 74 (2) ย่อมเป็นการพิจารณาที่ผิดระเบียบและทำให้จำเลยที่ 1 เสียหายเพราะไม่มีโอกาสได้คัดค้านคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองก่อนเจ้าหนี้อื่นของผู้ร้องซึ่งศาลฎีกามีอำนาจที่จะมีคำสั่งให้เพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบนั้นเสียทั้งหมดหรือบางส่วนหรือสั่งแก้ไขหรือมีคำสั่งในเรื่องนั้นอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่เห็นสมควรได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 การที่ศาลชั้นต้นด่วนมีคำสั่งยกคำร้องของจำเลยที่ 1 โดยไม่ทำการไต่สวนคำร้องให้ทราบข้อเท็จจริงแน่ชัดเสียก่อนเช่นนี้เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาโดยไม่ชอบและศาลอุทธรณ์พิพากษายืนศาลฎีกาชอบที่จะยกคำสั่งดังกล่าวของศาลล่างทั้งสองเสียได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243 (1) และมาตรา 27 ประกอบมาตรา 246 และมาตรา 247 โดยให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนคำร้องของจำเลยที่ 1 แล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี”
พิพากษายกคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องฉบับลงวันที่ 11 ตุลาคม 2547 ของจำเลยที่ 1 และยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องฉบับดังกล่าวของจำเลยที่ 1 แล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ