คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3268/2552

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีอาวุธปืนและพาอาวุธปืน และฐานพยายามฆ่าผู้อื่นตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธฯ มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ และตาม ป.อ. มาตรา 80, 288,371 โดยโจทก์มิได้บรรยายฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานยิงปืนโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชนตาม ป.อ. มาตรา 376 ด้วย จึงถือไม่ได้ว่า โจทก์ประสงค์จะให้ลงโทษจำเลยตามบทมาตราดังกล่าว ทั้งการกระทำความผิดตามมาตรา 376 ก็มิใช่การกระทำซึ่งรวมอยู่ในความผิดตามที่โจทก์ฟ้องอันฟ้องอันศาลจะลงโทษจำเลยในการกระทำผิดตามที่พิจารณาได้ความได้ ดังที่บัญญัติไว้ใน ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคท้าย การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาปรับบทลงโทษจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 376 เป็นการพิพากษาเกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในฟ้อง ต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคแรก อันเป็นการไม่ชอบ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2547 เวลากลางคืนก่อนเที่ยง จำเลยกับพวกที่หลบหนีร่วมกันกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือจำเลยกับพวกร่วมกันมีอาวุธปืนลูกซอง ไม่ทราบขนาด ไม่มีเครื่องหมายเลขทะเบียนของเจ้าพนักงานประทับตรา 1 กระบอก และกระสุนปืนขนาดเบอร์ 20 หลายนัด ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต และพาติดตัวไปตามถนนหน้าร้านอั๋นยานยนต์ เลขที่ 20/2 หมู่ 1 ตำบลพงศ์ประศาสน์ อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อันเป็นในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุสมควร โดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว ทั้งไม่ใช่กรณีที่มีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามควรแก่พฤติการณ์ และร่วมกันใช้อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวยิงนายเกรียงศักดิ์ ผู้เสียหายกับพวก 1 นัด โดยเจตนาฆ่า จำเลยกับพวกลงมือกระทำความผิดไปโดยตลอดแล้ว แต่การกระทำไม่บรรลุผลเพราะกระสุนปืนไม่ถูกผู้เสียหาย ผู้เสียหายจึงไม่ถึงแก่ความตาย เจ้าพนักงานยึดได้ลูกปรายของกระสุนปืนลูกซอง 2 นัด และปลอกกระสุนปืนลูกซอง ขนาดเบอร์ 20 จำนวน 1 ปลอก เป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 80, 83, 288, 371 และริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80, 371 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 วรรคสาม, 72 ทวิ วรรคสอง ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำเลยอายุสิบแปดปีเศษ ลดมาตราส่วนโทษให้หนึ่งในสาม ฐานพยายามฆ่าผู้อื่น จำคุก 6 ปี 8 เดือน ฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนมีทะเบียนของผู้อื่นไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 4 เดือน ฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับใบอนุญาต เป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสอง จำคุ 4 เดือน คงจำคุก 6 ปี 16 เดือน ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานยิงปืนโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมชนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 376 จำคุก 6 วัน รวมจำคุก 8 เดือน 6 วัน ยกฟ้องข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งลงชื่อในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาขอห้รอการลงโทษจำคุกนั้น เห็นว่า การที่จำเลยกับพวกร่วมกันมีและพาอาวุธปืนพร้อมด้วยเครื่องกระสุนปืนที่มีอยู่ในสภาพใช้ยิงได้ไปที่เกิดเหตุซึ่งเป็นในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ และจำเลยกับพวกยังใช้อาวุธปืนดังกล่าวยิงในขณะเกิดเหตุ นับว่าเป็นการกระทำที่อุกอาจไม่เคารพยำเกรงต่อกฎหมาย และก่อให้เกิดผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของสังคม พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง แม้จำเลยจะไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน หรือมีเหตุอื่นดังที่จำเลยยกขึ้นอ้างในฎีกา ก็มิใช่เป็นเหตุผลเพียงพอที่จะรับฟังเพื่อรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีอาวุธปืนและพาอาวุธปืน และฐานพยายามฆ่าผู้อื่น ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ และตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 288, 371 โดยโจทก์มิได้บรรยายฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานยิงปืนโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 376 ด้วย จึงถือไม่ได้ว่า โจทก์ประสงค์ที่จะให้ลงโทษจำเลยตามบทมาตราดังกล่าว ทั้งการกระทำความผิดตามมาตรา 376 ก็มิใช่การกระทำซึ่งรวมอยู่ในความผิดตามที่โจทก์ฟ้อง อันศาลจะลงโทษจำเลยในการกระทำผิดตามที่พิจารณาได้ความได้ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคท้าย การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาปรับบทลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 376 เป็นการพิพากษาเกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในฟ้อง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคแรกอันเป็นการไม่ชอบและปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกาขึ้นมา ศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสองประกอบ มาตรา 225”
พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่ปรับบทลงโทษจำเลยในความผิดฐานยิงปืนโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 376 คงลงโทษจำเลยในความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนมีทะเบียนของผู้อื่นไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต และฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับบอนุญาต รวม 2 กระทง จำคุก 8 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7

Share