คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3095/2552

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ที่ดินที่จะได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1382 จะต้องเป็นที่ดินซึ่งบุคคลอื่นมีกรรมสิทธิ์อยู่ การที่ผู้ร้องบรรยายมาในคำร้องขอว่าผู้ร้องซื้อที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เฉพาะส่วนจาก ป. โดยไม่ได้จดทะเบียนต่อเจ้าพนักงานที่ดิน แต่ได้มีการส่งมอบการครอบครองให้แก่กันอันเป็นเพียงการแสดงให้เห็นถึงเหตุแห่งการที่ผู้ร้องได้ที่ดินมาครอบครอง เมื่อที่ดินมีหลักฐานเป็นหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) ผู้ร้องจึงมีเพียงสิทธิครอบครองเท่านั้น ผู้ร้องจะครอบครองปรปักษ์ไม่ได้ ผู้ร้องจึงไม่อาจเป็นเจ้าของผู้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินได้ ต่อมาหลังจากผู้ร้องซื้อที่ดินแล้ว ที่ดินดังกล่าวได้ออกหลักฐานเป็นโฉนดที่ดิน ดังนั้น การที่ผู้ร้องได้เข้าครอบครองโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ ซึ่งเมื่อนับระยะเวลาการครอบครองตั้งแต่วันที่ออกโฉนดที่ดินถึงวันยื่นคำร้องขอเกินกว่าสิบปีแล้ว ผู้ร้องจึงมีสิทธิร้องขอแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1382

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้มีคำสั่งให้ผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครอบปรปักษ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 13711 เฉพาะส่วนของนางสาวเปาะ เนื้อที่ 4 ไร่ 1 งาน 53 ตารางวา
ศาลชั้นต้นตรวจคำร้องขอแล้วมีคำสั่งว่า การครอบครองอสังหาริมทรัพย์อันจะทำให้ผู้ครอบครองได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 นั้น จะต้องเป็นการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นของบุคคลอื่น หากเป็นการครอบครองทรัพย์สินของตนเองแล้ว หาทำให้ได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองไม่ เมื่อผู้ร้องอ้างว่าซื้อที่ดินเฉพาะส่วนเมื่อปี 2535 ขณะนั้นเป็นที่ดินมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ยังไม่มีหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ เพียงแต่มีสิทธิครอบครอง เมื่อผู้ร้องอ้างว่ามีการส่งมอบการครอบครองให้ผู้ร้องแล้ว ย่อมถือว่ามีการโอนการครอบครองโดยการส่งมอบทรัพย์สินที่ครอบครอง ผู้ร้องย่อมมีสิทธิครอบครองที่ดินนั้นจึงไม่อาจร้องขอให้ศาลพิพากษาให้ผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ที่ดินโดยการครอบครองปรปักษ์ที่ดินตนเองได้ ยกคำร้องขอ ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีประเด็นต้องวินิจฉัยตามฎีกาผู้ร้องว่า ผู้ร้องมีสิทธิยื่นคำร้องขอแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินหรือไม่ เห็นว่า ที่ดินที่จะได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 นั้นจะต้องเป็นที่ดินซึ่งบุคคลอื่นมีกรรมสิทธิ์อยู่ การที่ผู้ร้องบรรยายมาในคำร้องขอว่า เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2535 ผู้ร้องซื้อที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เฉพาะส่วนจากนางสาวเปาะ โดยไม่ได้จดทะเบียนต่อเจ้าพนักงานที่ดิน แต่ได้มีการส่งมอบการครอบครองให้แก่กัน อันเป็นเพียงการแสดงให้เห็นถึงเหตุแห่งการที่ผู้ร้องได้ที่ดินมาครอบครอง เมื่อที่ดินมีหลักฐานเป็นหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) ผู้ร้องจึงมีเพียงสิทธิครอบครองเท่านั้น ผู้ร้องจะครอบครองปรปักษ์ไม่ได้ ผู้ร้องจึงไม่อาจเป็นเจ้าของผู้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินได้ เมื่อได้ความตามคำร้องขอต่อมาว่าหลังจากผู้ร้องซื้อที่ดินแล้ว วันที่ 20 กรกฎาคม 2538 ที่ดินดังกล่าวได้ออกหลักฐานเป็นโฉนดที่ดิน ดังนั้น การที่ผู้ร้องได้เข้าครอบครองโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ ซึ่งเมื่อนับระยะเวลาการครอบครองตั้งแต่วันที่ออกโฉนดที่ดินถึงวันยื่นคำร้องขอเกินกว่าสิบปีแล้ว ผู้ร้องจึงมีสิทธิร้องขอแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 ที่ศาลล่างทั้งสองมีคำสั่งและคำพิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาผู้ร้องฟังขึ้น”
พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นและยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 ให้ศาลชั้นต้นรับคำร้องขอของผู้ร้องไว้ดำเนินการและมีคำสั่งหรือคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ

Share