คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1404/2553

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน 10 เม็ด ให้แก่สายลับ แต่ทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยที่ 2 จำหน่ายเมทแอมเฟตามีน 14 เม็ด ให้แก่จำเลยที่ 1 อันเป็นการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนระหว่างจำเลยทั้งสองด้วยกันเองไม่เกี่ยวกับสายลับ ดังนี้ ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฎในทางพิจารณาจึงแตกต่างกับข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้องในข้อสาระสำคัญ ศาลต้องยกฟ้องในความผิดดังกล่าวตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคสอง จำเลยที่ 2 จึงไม่มีความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่จำเลยที่ 1

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 91 ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง
จำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธ แต่เมื่อสืบพยานโจทก์ไปบ้างแล้ว จำเลยที่ 1 กลับให้การรับสารภาพ
จำเลยที่ 2 ไม่ได้ให้การ ถือว่าจำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 ซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลยที่ 2 จำนวน 14 เม็ด แล้วนำมาจำหน่ายให้แก่สายลับ 10 เม็ด จำเลยที่ 1 จึงมีความผิดตามฟ้อง ส่วนจำเลยที่ 2 ไม่ปรากฏว่ามีพฤติการณ์สมคบกับจำเลยที่ 1 จำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่สายลับ จึงไม่มีความผิดฐานร่วมกับจำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน คงผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน 14 เม็ด ให้แก่จำเลยที่ 1 กระทงเดียว พิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง วรรคสาม (ที่ถูก มาตรา 15 วรรคหนึ่ง เดิม), 66 วรรคหนึ่ง ที่แก้ไขใหม่, 102 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 4 ปี และฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำคุก 4 ปี รวมจำคุก 8 ปี จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพเมื่อสืบพยานโจทก์ไปบ้างแล้ว เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 5 ปี 4 เดือน ส่วนจำเลยที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง วรรคสาม (ที่ถูก มาตรา 15 วรรคหนึ่ง เดิม), 66 วรรคหนึ่ง ที่แก้ไขใหม่ เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 4 ปี ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง ให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2 ในข้อหาร่วมกับจำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยว่า ที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่จำเลยที่ 1 ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสอง พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้อง สำหรับจำเลยที่ 2 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงที่คู่ความมิได้โต้เถียงกันในชั้นนี้รับฟังเป็นยุติได้ว่า ในวันเวลาเกิดเหตุตามฟ้อง จำเลยที่ 1 ซื้อเมทแอมเฟตามีน 14 เม็ด จากจำเลยที่ 2 แล้วนำไปจำหน่ายให้แก่สายลับ 10 เม็ด เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยทั้งสองได้และยึดเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวเป็นของกลาง คดีสำหรับจำเลยที่ 1 ยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว ส่วนจำเลยที่ 2 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 2 มีความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่จำเลยที่ 1 และยกฟ้องข้อหาร่วมกับจำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่สายลับ โจทก์มิได้อุทธรณ์ในข้อหาที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง จึงยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น คดีคงมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์เพียงว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่จำเลยที่ 1 ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน 10 เม็ด ให้แก่สายลับ แต่ทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยที่ 2 จำหน่ายเมทแอมเฟตามีน 14 เม็ด ให้แก่จำเลยที่ 1 อันเป็นการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนระหว่างจำเลยทั้งสองด้วยกันเอง ไม่เกี่ยวกับสายลับ ดังนี้ ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาจึงแตกต่างกับข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้องในข้อสาระสำคัญ ศาลต้องยกฟ้องในความผิดดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสอง จำเลยที่ 2 จึงไม่มีความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่จำเลยที่ 1 ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2 นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.

Share