คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2328/2551

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ที่ดินของโจทก์ทั้งสี่และจำเลยมีลักษณะเป็นสวน ไม่มีคลองสาธารณประโยชน์ผ่านที่ดิน โจทก์ทั้งสี่และจำเลยนำน้ำจากคลองบางสีทอง ซึ่งอยู่ห่างจากที่ดินของโจทก์ทั้งสี่และจำเลยประมาณ 50 เมตร มาใช้รดน้ำต้นไม้ในสวน โดยใช้ต้นตาลที่ทะลวงไส้ออกเป็นท่อส่งน้ำฝังไว้ใต้พื้นดินติดต่อกับที่ดินของบุคคลอื่นที่อยู่ริมคลองบางสีทองเพื่อชักน้ำเข้ามาใช้ต่อกันเป็นทอด ๆ จึงเป็นท่อส่งน้ำที่ทำขึ้นเองเพื่อเป็นการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือกันของชาวสวน แม้จะนานเพียงใดก็ไม่ทำให้ท่อส่งน้ำที่วางไว้ใต้ดินของใครเป็นท่อส่งน้ำสาธารณประโยชน์ไปได้ และน้ำที่ไหลเข้ามาในที่ดินของจำเลยไปยังที่ดินของโจทก์ทั้งสี่ผ่านท่อส่งน้ำดังกล่าวไม่ใช่เป็นน้ำที่ไหลตามธรรมดาจากที่ดินสูงมายังที่ดินต่ำตาม ป.พ.พ. มาตรา 1339 ที่จะให้สิทธิเจ้าของที่ดินซึ่งอยู่สูงกว่าจะกันน้ำเอาไว้ได้เพียงที่จำเป็นแก่ที่ดินของตนและไม่ใช่เป็นทางน้ำผ่านที่ดินตามมาตรา 1355 ที่เจ้าของที่ดินที่มีทางน้ำผ่านไม่มีสิทธิจะชักเอาน้ำไว้เกินกว่าที่จำเป็นแก่ประโยชน์ของตนตามควรให้เป็นเหตุเสื่อมเสียแก่ที่ดินแปลงอื่นซึ่งอยู่ตามทางน้ำนั้น และข้อเท็จจริงได้ความว่า หลังจากมีการทำถนนสาธารณประโยชน์ทำให้ทับท่อส่งน้ำไปในที่ดินของจำเลยเสียหาย ทำให้ไม่มีน้ำเข้าไปในที่ดินของจำเลยแล้วจำเลยต้องไปขอซื้อน้ำจากที่ดินแปลงของ บ. เพื่อประโยชน์ในที่ดินของจำเลย โดยจำเลยเสียค่าใช้จ่ายเพียงลำพัง และปิดท่อส่งน้ำในที่ดินของตนเองไม่ให้ส่งน้ำไปยังที่ดินของโจทก์ทั้งสี่ตามเงื่อนไขที่ บ. ให้จำเลยใช้น้ำต่อจาก บ. คนเดียว การกระทำของจำเลยไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์ทั้งสี่ โจทก์ทั้งสี่ไม่อาจขอให้บังคับจำเลยรื้อสิ่งปิดกั้นทางน้ำออกไปได้

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสี่ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 28 ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2542 จำเลยปิดกั้นทางน้ำไม่ให้น้ำไหลผ่านที่ดินโฉนดเลขที่ 4803 ตำบลบางกรวยฝั่งเหนือ อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี เนื้อที่ 1 ไร่ 3 งาน 5 ตารางวา ของโจทก์ทั้งสี่ ทำให้โจทก์ทั้งสี่ไม่มีน้ำรดต้นไม้ เป็นเหตุให้ต้นขนุน มะม่วง และมะนาวตาย ประมาณ 100 ต้น คิดเป็นค่าเสียหาย 20,000 บาท เป็นการกระทำละเมิด ขอให้บังคับจำเลยรื้อสิ่งปิดกั้นทางน้ำเพื่อเปิดให้น้ำไหลผ่านที่ดินดังกล่าว หากจำเลยไม่กระทำการให้โจทก์ทั้งสี่มีอำนาจกระทำการได้เอง โดยจำเลยเป็นผู้ออกค่าใช่จ่ายทั้งสิ้น ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 20,000 บาท
จำเลยให้การว่า ที่ดินของโจทก์ทั้งสี่อยู่ติดกับที่ดินจำเลยไม่มีทางน้ำสาธารณะไหลผ่าน จำเลยและเจ้าของที่ดินรายอื่นได้ทำท่อส่งน้ำเพื่อชักน้ำเข้ามายังที่ดินของตนเอง ต่อมาองค์การบริหารส่วนตำบลทำถนนทำให้ท่อส่งน้ำแตกจำเลยจึงทำท่อน้ำใหม่ สวนของโจทก์ทั้งสี่ถูกน้ำท่วมหลายปีแล้ว และโจทก์ทั้งสี่ไม่ได้ทำสวน จำเลยปิดกั้นท่อส่งน้ำเดือนกันยายน 2542 โจทก์ทั้งสี่ฟ้องคดีเกิน 1 ปี คดีขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งสี่อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
โจทก์ทั้งสี่ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…พิเคราะห์แล้ว มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ทั้งสี่ว่า จำเลยทำละเมิดปิดกั้นทางน้ำไม่ให้ไหลผ่านที่ดินของโจทก์ทั้งสี่หรือไม่ข้อเท็จจริงได้ความจากทางนำสืบของโจทก์ทั้งสี่และจำเลยรับกันว่า ที่ดินของโจทก์ทั้งสี่และจำเลยมีลักษณะเป็นส่วน ไม่มีคลองสาธารณประโยชน์ผ่านที่ดิน โจทก์ทั้งสี่และจำเลยนำน้ำจากคลองบางสีทอง ซึ่งอยู่ห่างจากที่ดินของโจทก์ทั้งสี่และจำเลยประมาณ 50 เมตร มาใช้รดน้ำต้นไม่ในสวน โดยให้ต้นตาลที่ทะลวงไส้ออกเป็นท่อส่งน้ำฝังไว้ใต้พื้นดินติดต่อกับที่ดินของบุคคลอื่นที่อยู่ริมคลองบางสีทอง เพื่อชักน้ำเข้ามาใช้ต่อกันเป็นทอด ๆ จึงเป็นท่อส่งน้ำที่ทำขึ้นเองเพื่อเป็นการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือกันของชาวสวน แม้จะนานเพียงใดก็ไม่ทำให้ท่อส่งน้ำที่วางไว้ใต้ดินของใครเป็นท่อส่งน้ำสาธารณประโยชน์ไปได้ และน้ำที่ไหลเข้ามาในที่ดินของจำเลยไปยังที่ดินของโจทก์ทั้งสี่ผ่านท่อส่งน้ำดังกล่าวไม่ใช่เป็นน้ำที่ไหลตามธรรมดาจากที่ดินสูงมายังที่ดินต่ำตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1339 ที่จะให้สิทธิเจ้าของที่ดินซึ่งอยู่สูงกว่าจะกันน้ำเอาไว้ได้เพียงที่จำเป็นแก่ที่ดินของตน และไม่ใช่เป็นทางน้ำผ่านที่ดินตามมาตรา 1355 ที่เจ้าของที่ดินที่มีทางน้ำผ่านไม่มีสิทธิจะชักเอาน้ำไว้เกินกว่าที่จำเป็นแก่ประโยชน์ของตนตามควรให้เป็นเหตุเสื่อมเสียแก่ที่ดินแปลงอื่นซึ่งอยู่ตามทางน้ำนั้น และข้อเท็จจริงได้ความตามทางนำสืบของจำเลยว่า หลังจากมีการทำถนนสาธารณประโยชน์ทำให้ทับท่อส่งน้ำไปในที่ดินของจำเลยเสียหาย ทำให้ไม่มีน้ำเข้าไปในที่ดินของจำเลยแล้วจำเลยต้องไปขอซื้อน้ำจากที่ดินแปลงของนางบำรุงเพื่อประโยชน์ในที่ดินของจำเลย โดยจำเลยเสียค่าใช้จ่ายตามลำพัง และปิดท่อส่งน้ำในที่ดินของตนเองไม่ให้ส่งน้ำไปยังที่ดินของโจทก์ทั้งสี่ตามเงื่อนไขที่นางบำรุงให้จำเลยใช้น้ำต่อจากนางบำรุงคนเดียว การกระทำของจำเลยไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์ทั้งสี่ โจทก์ทั้งสี่ไม่อาจขอให้บังคับจำเลยรื้อสิ่งปิดกั้นทางน้ำออกไปได้ กรณีจึงไม่จำต้องวินิจฉัยปัญหาอื่นตามฎีกาของโจทก์ทั้งสี่อีกต่อไป ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้อง ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ทั้งสี่ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share