คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 12183/2547

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

โจทก์จำเลยท้ากันว่า ให้ศาลส่งลายมือชื่อของจำเลยในสัญญากู้กับตัวอย่างลายมือชื่อของจำเลยไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์ ถ้าผู้เชี่ยวชาญลงความเห็นว่าลายมือชื่อในสัญญากู้เป็นลายมือชื่อของจำเลยจริง จำเลยยอมแพ้คดี ถ้าไม่ใช่ลายมือชื่อของจำเลย โจทก์ยอมแพ้คดีศาลส่งเอกสารดังกล่าวไปให้ผู้เชี่ยวชาญทำการตรวจพิสูจน์แล้ว ผู้เชี่ยวชาญลงความเห็นว่าน่าจะเป็นลายมือชื่อของบุคคลคนเดียวกัน ดังนี้ ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญเป็นการยืนยันหรือทำนองยืนยันว่าเป็นลายมือชื่อของจำเลยตรงตามคำท้าของโจทก์จำเลยแล้ว จำเลยจึงต้องเป็นฝ่ายแพ้คดี

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 990,500 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงิน 566,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยทำสัญญากู้ยืมเงินและรับเงินไปจากโจทก์ลายมือชื่อในสัญญากู้มิใช่ลายมือชื่อของจำเลย แต่เป็นลายมือชื่อปลอม ขอให้ยกฟ้อง
วันนัดสืบพยานโจทก์ คู่ความท้ากันโดยให้ผู้เชี่ยวชาญกองพิสูจน์หลักฐานตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อในช่องผู้กู้ของหนังสือสัญญากู้ยืมเงินเอกสารหมาย จ.3 ว่าเป็นลายมือชื่อของจำเลยหรือไม่ หากผลการตรวจระบุว่าลายมือชื่อดังกล่าวเป็นลายมือชื่อของจำเลย จำเลยยอมรับข้อเท็จจริงตามคำฟ้องและยอมแพ้ หากไม่ใช่ลายมือชื่อของจำเลย โจทก์ยอมรับข้อเท็จจริงตามคำให้การและยอมแพ้ คู่ความไม่ติดใจสืบพยานอื่นอีกต่อไป ผลการตรวจพิสูจน์ปรากฏตามรายงานการตรวจพิสูจน์ของผู้เชี่ยวชาญมีความเห็นว่า ได้ตรวจพิจารณาลายมือชื่อตรงช่องลงชื่อ “ผู้กู้” ในหนังสือสัญญากู้ยืมเงินเอกสารหมาย จ.3 เปรียบเทียบกับตัวอย่างและสำเนาตัวอย่างลายมือชื่อของจำเลยในหนังสือสัญญาขายที่ดินเอกสารหมาย จ.7 และในกระดาษสำหรับศาลใช้ (เบอร์ 40) ที่เขียนต่อหน้าศาลเอกสารหมาย ล.8 แล้ว ปรากฏว่ามีคุณสมบัติของการเขียนรูปร่างลักษณะของตัวอักษรเป็นอย่างเดียวกัน น่าจะเป็นลายมือชื่อของบุคคลคนเดียวกัน
ระหว่างพิจารณาโจทก์ถึงแก่กรรม นายไพศาล ทายาทของโจทก์ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทน ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 566,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ทั้งนี้ดอกเบี้ยค้างชำระต้องไม่เกิน 5 ปี และดอกเบี้ยนับถัดจากวันฟ้อง (วันที่ 22 พฤษภาคม 2543) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์
จำเลยอุทธรณ์โดยได้รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถา
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับโดยให้จำเลยชำระค่าฤชาธรรมเนียมที่ได้รับยกเว้นในชั้นอุทธรณ์ต่อศาล มิฉะนั้นให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 20413 ตำบลเสมา อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา เพื่อเอามาชำระแทน
จำเลยฎีกาโดยได้รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาว่าผลการตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อของผู้เชี่ยวชาญตรงตามคำท้าที่โจทก์จำเลยตกลงกันหรือไม่ ปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณาฉบับลงวันที่ 19 ธันวาคม 2543 ว่า จำเลยยื่นคำท้าโจทก์ให้ส่งลายมือชื่อของจำเลยในช่องผู้กู้ในหนังสือสัญญากู้ยืมเงินเอกสารหมาย จ.3 ไปให้กองพิสูจน์หลักฐานตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อ หากกองพิสูจน์หลักฐานแจ้งว่า ลายมือชื่อในหนังสือสัญญากู้ยืมเงินดังกล่าวเป็นลายมือชื่อของจำเลย จำเลยยอมรับข้อเท็จจริงตามที่โจทก์ฟ้อง จำเลยยอมแพ้คดีโจทก์แถลงว่า ลายมือชื่อในหนังสือสัญญากู้ยืมเงินเอกสารหมาย จ.3 ในช่องผู้กู้เป็นลายมือชื่อของจำเลย หากกองพิสูจน์หลักฐานแจ้งว่าลายมือชื่อในช่องผู้กู้ในหนังสือสัญญากู้ยืมเงินเอกสารหมาย จ.3 ไม่ใช่ลายมือชื่อจำเลย โจทก์ยอมรับข้อเท็จจริงตามคำให้การโจทก์ยอมแพ้คดีให้ศาลพิพากษายกฟ้องได้ไม่ติดใจสืบพยานและตามรายงานกระบวนพิจารณาฉบับลงวันที่ 19 มิถุนายน 2544 คู่ความแถลงร่วมกันว่า วันนี้โจทก์ได้วางเงินค่าตรวจพิสูจน์จำนวน 30,415 บาท ตามใบเสร็จรับเงินที่เสนอศาล ซึ่งประเด็นที่ท้ากันหากลายมือชื่อในช่องผู้กู้เป็นลายมือชื่อของคนคนเดียวกับตัวอย่างลายมือชื่อในเอกสารหมาย ล.8 และเอกสารหมาย จ.7 จำเลยจะรับผิดชอบชำระค่าใช้จ่ายในการตรวจพิสูจน์ แต่หากผลการตรวจพิสูจน์ออกมาไม่ตรงกับประเด็นที่แจ้งไป เช่น ตรวจพิสูจน์ออกมาแล้วคล้ายกับตัวอย่างลายมือชื่อในช่องผู้กู้ คู่ความตกลงกันให้ยกเลิกคำท้าและสืบพยานตามประเด็นข้อพิพาทต่อไป เมื่อตามรายงานการตรวจพิสูจน์ดังกล่าวของผู้เชี่ยวชาญกองพิสูจน์หลักฐานลงความเห็นว่าน่าจะเป็นลายมือชื่อของบุคคลคนเดียวกันดังนี้ เห็นว่า ตามความเห็นของผู้เชี่ยวชาญกองพิสูจน์หลักฐานมีลักษณะเป็นการยืนยันหรือทำนองยืนยันว่าเป็นลายมือชื่อของจำเลยตรงตามคำท้าของโจทก์จำเลยแล้ว มิใช่มีความเห็นไม่ตรงตามลำดับท้าเช่นตรวจพิสูจน์ออกมาว่าลายมือชื่อคล้ายกันดังจำเลยฎีกา ส่วนที่จำเลยฎีกาว่าอาจเป็นไปได้ว่าโจทก์ใช้หนังสือสัญญาขายที่ดินตามเอกสารหมาย จ.7 เป็นตัวอย่างในการปลอมแปลง โดยเอาแบบฟอร์มหนังสือสัญญากู้ยืมเงินซึ่งยังไม่ได้กรอกข้อความมาทาบกับลายมือชื่อของจำเลยที่ปรากฏในหนังสือสัญญาขายที่ดินดังกล่าวแล้วใช้ปากกาลากเส้นตามตัวอักษรเพื่อลอกเลียนลายมือชื่อของจำเลยแล้วนำแบบฟอร์มหนังสือสัญญากู้ยืมเงินดังกล่าวมากรอกข้อความนำมาฟ้องจำเลยนั้น ก็ไม่เกี่ยวกับคำท้า จึงไม่จำต้องวินิจฉัย เมื่อโจทก์จำเลยตกลงท้ากันให้ถือเอาผลการตรวจพิสูจน์ของผู้เชี่ยวชาญกองพิสูจน์หลักฐานเป็นข้อแพ้ชนะ ก็ต้องถือเอาความเห็นดังกล่าวเป็นข้อแพ้ชนะของคดีที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้นอนึ่ง เมื่อปรากฏว่าจำเลยมีทรัพย์สินพอจะเสียค่าฤชาธรรมเนียมได้ จึงให้จำเลยชำระค่าฤชาธรรมเนียมที่จำเลยได้รับยกเว้นในชั้นฎีกาด้วย”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ โดยให้จำเลยชำระค่าฤชาธรรมเนียมที่ได้รับยกเว้นในชั้นฎีกาต่อศาล

Share