คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6949/2550

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยไม่ชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูแก่โจทก์ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ จึงเป็นหนี้ค้างชำระตามข้อสัญญาประนีประนอมยอมความ ไม่ใช่หนี้จะพึงชำระในอนาคต จำเลยจึงไม่มีสิทธิที่จะขอเพิกถอนหรือลดลงตาม ป.พ.พ. มาตรา 1598/39 วรรคหนึ่ง ได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์และจำเลย โดยจำเลยตกลงชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรทั้งสี่คนให้แก่โจทก์จำนวน 400,000 บาท ภายในเดือนสิงหาคม 2546 หากไม่ชำระยอมให้บังคับคดีได้ทันที พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี
จำเลยยื่นคำร้องว่า ปัจจุบันจำเลยประกอบอาชีพขับรถรับจ้างรายได้ไม่แน่นอนและมีรายได้จากไร่สวนเดือนละประมาณ 1,000 บาท ฐานะแย่ลงเพราะภาวะเศรษฐกิจ จึงไม่สามารถชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูตามสัญญาประนีประนอมยอมความได้ ขอให้ศาลมีคำสั่งแก้ไขในเรื่องค่าอุปการะเลี้ยงดูโดยให้เพิกถอนหรือลดลงเหลือเป็นเงิน 200,000 บาท และผ่อนชำระไม่เกินเดือนละ 3,500 บาท
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว มีคำสั่งให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องให้เป็นพับ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยมีสิทธิขอลดค่าอุปการะเลี้ยงดูตามสัญญาประนีประนอมยอมความที่โจทก์จำเลยทำไว้ต่อกันหรือไม่ ตามสัญญาประนีประนอมยอมความที่โจทก์จำเลยทำไว้ต่อหน้าศาลเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2546 ซึ่งศาลได้พิพากษาตามยอมแล้วนั้น กำหนดให้จำเลยชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรทั้งสี่คนให้แก่โจทก์เป็นจำนวนเงิน 400,000 บาท โดยจำเลยจะชำระให้โจทก์ภายในเดือนสิงหาคม 2546 แต่หลังจากทำสัญญาประนีประนอมยอมความแล้ว จำเลยไม่ได้ชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูแก่โจทก์เลย แต่จำเลยกลับมายื่นคำร้องขอเปลี่ยนแปลงค่าอุปการะเลี้ยงดูที่ต้องชำระแก่โจทก์ โดยจำเลยขอชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูเป็นเงินจำนวน 200,000 บาท การที่จำเลยไม่ชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูแก่โจทก์ตามสัญญาประนีประนอมยอมความจึงเป็นหนี้ค้างชำระตามข้อสัญญาประนีประนอมยอมความ ไม่ใช่หนี้จะพึงชำระในอนาคตจำเลยจึงไม่มีสิทธิที่จะขอเพิกถอนหรือลดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1598/39 วรรคหนึ่ง ได้ ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share