คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3449/2551

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ทางพิจารณาปรากฏผลการตรวจพิสูจน์เมทแอมเฟตามีน 29 เม็ด ของกลางเฉพาะส่วนนี้ในรายงานการตรวจพิสูจน์ว่า คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 1.038 กรัม หรือ 1,038 มิลลิกรัม ซึ่งมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ตั้งแต่ 375 มิลลิกรัมขึ้นไป อันต้องบทสันนิษฐานเด็ดขาดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 15 วรรคสาม (2) ว่ามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
เมทแอมเฟตามีน 29 เม็ด คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 1,038 มิลลิกรัม ที่จำเลยร่วมกับพวกมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของเมทแอมเฟตามีน 429 เม็ด ของกลาง ที่โจทก์ได้บรรยายฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยไว้แล้วศาลฎีกาจึงมีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 215 และ 225 เพราะไม่เป็นการพิพากษาเกินคำขอหรือมิได้กล่าวในฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 100/1, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง และวรรคสาม (2), 66 วรรคสอง จำคุก 22 ปี และปรับ 2,200,000 บาท ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง แต่คงให้ริบของกลาง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีว่า จำเลยร่วมกับนายประหยดกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า ทางพิจารณาปรากฏผลการตรวจพิสูจน์เมทแอมเฟตามีน 29 เม็ด ของกลางเฉพาะส่วนนี้ในรายงานการตรวจพิสูจน์หมายเลขพิสูจน์ที่ 5380/2545 ลงวันที่ 8 พฤศจิกายน 2545 ว่าเป็นเมทแอมเฟตามีนน้ำหนักรวม 2.63 กรัม และคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 1.038 กรัม หรือ 1,038 มิลลิกรัม การกระทำของจำเลยจึงเป็นการร่วมกันกับนายประหยดมีเมทแอมเฟตามีนซึ่งมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ตั้งแต่ 375 มิลลิกรัมขึ้นไป หรือมีน้ำหนักสุทธิตั้งแต่ 1.5 กรัมขึ้นไป อันต้องบทสันนิษฐานเด็ดขาดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2) ว่าเป็นการมีเมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ซึ่งเมทแอมเฟตามีน 29 เม็ด น้ำหนัก 2.63 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 1.038 กรัม หรือ 1,038 มิลลิกรัม ที่จำเลยร่วมมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งในเมทแอมเฟตามีน 429 เม็ด ของกลาง ที่โจทก์ได้บรรยายฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยไว้แล้ว ศาลฎีกาจึงมีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยได้ตามบทกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคหนึ่ง ประกอบด้วยมาตรา 215 และ 225 เพราะไม่เป็นการพิพากษาเกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในฟ้อง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษายกฟ้องนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้นบางส่วน
พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2), 66 วรรคสอง ประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ขณะกระทำผิดจำเลยอายุ 19 ปี รู้ผิดชอบแล้ว ไม่ลดมาตราส่วนโทษให้ จำคุก 5 ปี และปรับ 400,000 บาท หากไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ให้กักขังแทนค่าปรับเกินกว่าหนึ่งปีแต่ไม่เกินสองปี และริบของกลาง

Share