คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7726/2547

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

จำเลยให้การในชั้นสอบสวนว่าได้รับจ้างขนยาเสพติดให้โทษของกลางจาก จ. จากประเทศสหภาพพม่าเพื่อนำไปส่งที่จังหวัดจันทบุรี และจำเลยให้หมายเลขโทรศัพท์ของ จ. กับนำพนักงานสอบสวนไปชี้บ้านของ จ. ที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย โดยจำเลยได้บอกตำหนิรูปพรรณของ จ. แก่พนักงานสอบสวนด้วยก็ตาม แต่ก็ไม่ปรากฏว่า จ. ที่จำเลยอ้างนั้นจะมีตัวตนจริงหรือไม่ และเจ้าพนักงานตำรวจได้มีการขยายผลจับกุม จ. ได้หรือไม่อย่างใด อันจะเป็นการสนับสนุนข้ออ้างของจำเลยให้เป็นความจริง ข้อเท็จจริงจึงรับฟังไม่ได้ว่าคำให้การของจำเลยดังกล่าวเป็นการให้ข้อมูลที่สำคัญ และเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษต่อเจ้าพนักงานตำรวจหรือพนักงานสอบสวน ย่อมไม่อาจลงโทษจำเลยน้อยกว่าอัตราโทษขั้นต่ำที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 100/2 ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 65, 66, 67, 102 พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 4, 11, 18 วรรคสอง, 62 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 และริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสอง, 65 วรรคสอง (ที่ถูก และมาตรา 66 วรรคสอง) พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 11, 18 วรรคสอง, 62 วรรคสอง การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานนำยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) เข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่าย ให้ลงโทษประหารชีวิต ฐานเป็นบุคคลสัญชาติไทยเดินทางออกไปนอกราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ปรับ 1,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบ 52 (2) ฐานนำเมทแอมเฟตามีนเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่าย จำคุก 50 ปี ฐานเป็นบุคคลสัญชาติไทยเดินทางออกไปนอกราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ปรับ 500 บาท รวมจำคุก 50 ปี และปรับ 500 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาสรุปได้ว่า จำเลยได้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับนางจันทร์หอม ดวงจันทร์ โดยพาเจ้าพนักงานตำรวจไปชี้บ้านของนางจันทร์หอมและให้หมายเลขโทรศัพท์ที่จะสามารถติดต่อนางจันทร์หอมแก่เจ้าพนักงานตำรวจเพื่อชี้เบาะแสให้เจ้าพนักงานตำรวจได้มีการขยายผลจับกุมเจ้าของเมทแอมเฟตามีนรายใหญ่ต่อไป จึงมีเหตุสมควรที่ศาลจะลงโทษจำเลยน้อยกว่าอัตราโทษขั้นต่ำที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นได้ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 100/2 นั้น เห็นว่า แม้ข้อเท็จจริงในคดีนี้รับฟังได้ว่าจำเลยให้การในชั้นสอบสวนว่า ได้รับจ้างขนยาเสพติดให้โทษของกลางจากนางจันทร์หอมจากประเทศสหภาพพม่าเพื่อนำไปส่งที่จังหวัดจันทบุรีและจำเลยให้หมายเลขโทรศัทพ์ของนางจันทร์หอมกับนำพนักงานสอบสวนไปชี้บ้านของนางจันทร์หอมที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย โดยจำเลยได้บอกตำหนิรูปพรรณของนางจันทร์หอมแก่พนักงานสอบสวนด้วย ปรากฏตามบันทึกคำให้การของจำเลยในชั้นสอบสวนเอกสารหมาย จ.6 ก็ตาม แต่ก็ไม่ปรากฏว่านางจันทร์หอมที่อ้างนั้นจะมีตัวตนจริงหรือไม่ และเจ้าพนักงานตำรวจได้มีการขยายผลจับกุมนางจันทร์หอมได้หรือไม่อย่างใด อันจะเป็นการสนับสนุนข้ออ้างของจำเลยให้เป็นความจริง ข้อเท็จจริงจึงรับฟังไม่ได้ว่าคำให้การของจำเลยดังกล่าวเป็นการให้ข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษต่อเจ้าพนักงานตำรวจหรือพนักงานสอบสวน ย่อมไม่อาจลงโทษจำเลยน้อยกว่าอัตราโทษขั้นต่ำที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นตามบทบัญญัติดังกล่าวได้ ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยต่อไปมีว่า ในความผิดฐานนำเมทแอมเฟตามีนเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่าย การลดโทษประหารชีวิตให้จำเลยกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 52 (2) มีเหตุสมควรลดโทษเป็นจำคุก 25 ปี หรือไม่ เห็นว่า เมทแอมเฟตามีนของกลางที่จำเลยนำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายมีจำนวน 8,000 เม็ด น้ำหนัก 783.35 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 81.359 กรัม ที่ศาลล่างทั้งสองใช้ดุลพินิจลดโทษประหารชีวิตให้จำเลยกึ่งหนึ่งโดยให้ลดเป็นโทษจำคุก 50 ปี นั้น จึงหนักเกินไป แต่ที่จำเลยขอให้ลดโทษเป็นจำคุก 25 ปี นั้น ก็เบาเกินไป ศาลฎีกาเห็นสมควรลดโทษให้ใหม่ให้เหมาะสมแก่รูปคดี ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังขึ้นบางส่วน”
พิพากษาแก้เป็นว่า เมื่อลดโทษให้จำเลยกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบ 52 (2) แล้ว ฐานนำยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) เข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่าย จำคุก 40 ปี เมื่อรวมกับโทษปรับในความผิดฐานเป็นบุคคลสัญชาติไทยเดินทางออกไปนอกราชอาณาจักร โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย หลังลดโทษให้จำเลยกึ่งหนึ่งแล้ว เป็นจำคุก 40 ปี และปรับ 500 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 5

Share