แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของผู้ร้องเนื่องด้วยเป็นการอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณา ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 226 ผู้ร้องยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ปฏิเสธไม่ยอมรับอุทธรณ์ดังกล่าว และเมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของผู้ร้อง โดยเห็นว่าอุทธรณ์ของผู้ร้องเป็นการอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณา ซึ่งต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 226 (1) ประกอบ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลายฯ มาตรา 14 มีผลเท่ากับศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้น คำสั่งของศาลอุทธรณ์จึงเป็นที่สุดตาม ป.วิ.พ. มาตรา 236 วรรคหนึ่ง ประกอบ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลายฯ มาตรา 14 ผู้ร้องไม่มีสิทธิฎีกา
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยทั้งสองเด็ดขาดเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2545 ต่อมาวันที่ 13 พฤศจิกายน 2545 ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รับมอบอำนาจของจำเลยที่ 1 ในคดีหมายเลขแดงที่ 47/2545 ของศาลชั้นต้นที่เป็นสำนวนหลักของคดีนี้ได้ยื่นคำร้องว่า เดิมผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งของผู้คัดค้านที่ยกคำร้องเพื่อขอให้หมายเรียกพยานของโจทก์ในฐานะเจ้าหนี้รายที่ 1 ในสำนวนคำขอรับชำระหนี้ ต่อมาผู้คัดค้านมีคำสั่งนัดประชุมเจ้าหนี้ครั้งแรก และนัดสอบสวนเจ้าหนี้รายที่ 1 ก่อนวันนัดฟังคำสั่ง ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ผู้คัดค้านเลื่อนนัดประชุมเจ้าหนี้ครั้งแรกและนัดสอบสวนเจ้าหนี้รายที่ 1 ออกไปก่อน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องด้วยเหตุผลว่าเป็นอำนาจของผู้คัดค้าน
ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ไม่รับอุทธรณ์เนื่องจากคำสั่งดังกล่าวเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226
ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่า คำร้องอุทธรณ์คำสั่งของผู้ร้องต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 (1) ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลาย พ.ศ.2542 มาตรา 14 ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของผู้ร้องชอบแล้ว มีคำสั่งยืนตามคำสั่งของศาลชั้นต้น
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า “คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของผู้ร้องเนื่องด้วยเป็นการอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณา ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 ผู้ร้องยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ปฏิเสธไม่ยอมรับอุทธรณ์ดังกล่าว และเมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของผู้ร้องโดยเห็นว่าอุทธรณ์ของผู้ร้องเป็นอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณา ซึ่งต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 (1) ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลาย พ.ศ.2542 มาตรา 14 มีผลเท่ากับศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้น คำสั่งของศาลอุทธรณ์จึงเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236 วรรคหนึ่ง ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลาย พ.ศ.2542 มาตรา 14 ผู้ร้องไม่มีสิทธิฎีกาได้ ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับฎีกาของผู้ร้องมานั้นเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย”
พิพากษายกฎีกาของผู้ร้อง