คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5049/2547

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้จำเลยวางเงินค่าธรรมเนียมภายในวันที่ 23 มิถุนายน 2546 เป็นคำสั่งที่ศาลชั้นต้นปฏิบัติตามคำสั่งของศาลอุทธรณ์ที่ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการเรียกจำเลยให้นำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งต้องใช้แทนคู่ความตามคำพิพากษามาวางศาลให้ครบถ้วนภายในระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นเห็นสมควรก่อนที่ศาลชั้นต้นจะได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้คู่ความฟัง อันเป็นคำสั่งของศาลอุทธรณ์ก่อนที่ศาลชั้นต้นจะอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้คู่ความฟังตามกฎหมาย ซึ่งถือว่าเป็นคำสั่งในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ หากจำเลยเห็นว่าคำสั่งของศาลอุทธรณ์ดังกล่าวนั้นไม่ถูกต้องหรือไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างไร จำเลยชอบที่จะต้องปฏิบัติตามคำสั่งของศาลอุทธรณ์โดยนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งมาวางศาลภายในระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดก่อน แล้วใช้สิทธิโต้แย้งคำสั่งดังกล่าวไว้เพื่อการใช้สิทธิฎีกาภายหลังเมื่อได้อ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์แล้ว การที่จำเลยฎีกาคำสั่งของศาลอุทธรณ์ทันทีในขณะที่ยังถือว่าคดีนั้นอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์เช่นนี้ จึงเป็นการต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 226 (1) ประกอบด้วยมาตรา 247

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีโดยขาดนัดแล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 148,407,983.90 บาท พร้อมดอกเบี้ยกับค่าฤชาธรรมเนียมแก่โจทก์
จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่
โจทก์ยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์
ก่อนอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 21 พฤษภาคม 2546 ให้จำเลยนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษามาวางศาลภายในเวลาที่กำหนดตามคำสั่งของศาลอุทธรณ์ในรายงานกระบวนพิจารณาของศาลอุทธรณ์ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2545 ที่ให้ศาลชั้นต้นเรียกจำเลยให้นำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งต้องใช้แทนแก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษามาวางศาลให้ครบถ้วนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 ภายในระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นเห็นสมควรแล้วจึงนัดอ่านคำพิพากษาก่อนครบกำหนดเวลาการวางเงินดังกล่าวตามคำสั่งของศาลชั้นต้น จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ฎีกาของจำเลยที่ขอให้ศาลฎีกาพิพากษายกคำสั่งของศาลอุทธรณ์ตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลอุทธรณ์ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2545 ที่ศาลชั้นต้นได้อ่านรายงานดังกล่าวให้คู่ความฟังตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นลงวันที่ 21 พฤษภาคม 2546 นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 21 พฤษภาคม 2546 ที่ให้จำเลยวางเงินค่าธรรมเนียมภายในวันที่ 23 มิถุนายน 2546 นั้นเป็นคำสั่งที่ศาลชั้นต้นปฏิบัติตามคำสั่งศาลอุทธรณ์ตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลอุทธรณ์ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2545 ที่ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการเรียกจำเลยให้นำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งต้องใช้แทนคู่ความตามคำพิพากษามาวางศาลให้ครบถ้วนภายในระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นเห็นสมควรก่อนที่ศาลชั้นต้นจะได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้คู่ความฟัง อันเป็นคำสั่งของศาลอุทธรณ์ก่อนที่ศาลชั้นต้นจะอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้คู่ความฟังตามกฎหมาย ซึ่งถือว่าเป็นคำสั่งในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ หากจำเลยเห็นว่าคำสั่งของศาลอุทธรณ์ดังกล่าวนั้นไม่ถูกต้องหรือไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างไร จำเลยชอบที่จะต้องปฏิบัติตามคำสั่งของศาลอุทธรณ์โดยนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งมาวางศาลภายในระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดก่อน แล้วใช้สิทธิโต้แย้งคำสั่งดังกล่าวไว้เพื่อการใช้สิทธิฎีกาภายหลังเมื่อได้อ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์แล้ว การที่จำเลยฎีกาคำสั่งของศาลอุทธรณ์ทันทีในขณะที่ยังถือว่าคดีนั้นอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์เช่นนี้ จึงเป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 (1) ประกอบด้วยมาตรา 247 การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลยเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่อาจรับวินิจฉัยฎีกาของจำเลยได้”
พิพากษายกฎีกาของจำเลย

Share