แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งกลับคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีและงดสืบพยานจำเลยแล้วให้ศาลชั้นต้นสืบพยานจำเลยต่อไปเท่ากับให้ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและให้สืบพยานจำเลยต่อไปจำเลยจึงต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษาหรือคำสั่งมาวางศาลพร้อมอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 229
จำเลยยื่นอุทธรณ์คำสั่งเรื่องที่ศาลชั้นต้นไม่ให้เลื่อนคดีและงดสืบพยานจำเลยกับยื่นอุทธรณ์คำสั่งที่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้จำเลยดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์คำพิพากษา แม้จำเลยจะยื่นอุทธรณ์คำสั่งที่ศาลชั้นต้นไม่ให้เลื่อนคดีและงดสืบพยานจำเลยก่อนดังที่จำเลยฎีกาก็ตาม แต่หากศาลอุทธรณ์อนุญาตให้จำเลยดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์คำพิพากษา จำเลยจะไม่ต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษาหรือคำสั่งมาวางศาลพร้อมอุทธรณ์คำสั่งเรื่องที่ศาลชั้นต้นไม่ให้เลื่อนคดีตาม ป.วิ.พ. มาตรา 229 เพราะได้รับการยกเว้นตามมาตรา 157 ดังนี้การที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งเรื่องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์คำพิพากษาก่อนศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาเรื่องที่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้เลื่อนคดี จึงชอบแล้ว
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินตามเช็คจำนวน 3 ฉบับ รวมเป็นเงิน 400,000 บาท และดอกเบี้ยนับแต่วันผิดนัดจนถึงวันฟ้อง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 417,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงิน 400,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ จำเลยให้การต่อสู้คดี หลังจากโจทก์สืบพยานโจทก์เสร็จแล้ว ในวันนัดสืบพยานจำเลยเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2542 จำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีและมีคำสั่งให้งดสืบพยานจำเลย แล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 400,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน 2540 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยข้อแรกมีว่า การที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยชอบหรือไม่ โดยจำเลยฎีกาว่า อุทธรณ์ของจำเลยเป็นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้เลื่อนคดี เป็นอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณา ไม่อยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 จำเลยจึงไม่จำต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษามาวางศาลพร้อมอุทธรณ์นั้น เห็นว่า จำเลยอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งกลับคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีและงดสืบพยานจำเลยแล้วให้ศาลชั้นต้นสืบพยานจำเลยต่อไป เท่ากับให้ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและให้สืบพยานจำเลยต่อไป จำเลยจึงต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษาหรือคำสั่งมาวางศาลพร้อมอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 เมื่อจำเลยไม่นำค่าธรรมเนียมมาวางศาลพร้อมอุทธรณ์ดังกล่าว จึงเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยฉัยอุทธรณ์ของจำเลยชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ปัญหาข้อสุดท้ายที่จำเลยฎีกาว่า การที่ศาลชั้นต้นอ่านคำสั่งศาลอุทธรณ์เรื่องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์คำพิพากษาก่อนการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เรื่องที่ศาลชั้นต้นไม่ให้เลื่อนคดีเป็นการไม่ถูกต้อง เพราะอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยในเรื่องที่ศาลชั้นต้นไม่ให้เลื่อนคดียังมิได้มีการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ จึงขอให้ศาลฎีกาเพิกถอนการอ่านคำสั่งศาลอุทธรณ์เรื่องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์คำพิพากษา จนกว่าศาลอุทธรณ์จะมีการพิจารณาคำสั่งของจำเลยเรื่องที่ศาลชั้นต้นไม่ให้เลื่อนคดีก่อนแล้วจึงให้ศาลชั้นต้นอ่านคำสั่งศาลอุทธรณ์เรื่องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์คำพิพากษาภายหลังการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เรื่องที่ศาลชั้นต้นไม่ให้เลื่อนคดีนั้น เห็นว่า ในกรณีที่จำเลยยื่นอุทธรณ์คำสั่งเรื่องที่ศาลชั้นต้นไม่ให้เลื่อนคดีและงดสืบพยานจำเลย กับจำเลยยื่นอุทธรณ์คำสั่งที่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้จำเลยดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์คำพิพากษา แม้จำเลยจะยื่นอุทธรณ์คำสั่งที่ศาลชั้นต้นไม่ให้เลื่อนคดีและงดสืบพยานจำเลยก่อนดังที่จำเลยฎีกาก็ตาม แต่หากศาลอุทธรณ์อนุญาตให้จำเลยดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์คำพิพากษา จำเลยจะไม่ต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษาหรือคำสั่งมาวางศาลพร้อมอุทธรณ์คำสั่งเรื่องที่ศาลชั้นต้นไม่ให้เลื่อนคดีตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 เพราะได้รับยกเว้นตามมาตรา 157 แห่งบทบัญญัติดังกล่าว ดังนี้การที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งเรื่องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์คำพิพากษาก่อนศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาเรื่องที่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้เลื่อนคดี จึงชอบแล้วฎีกาของจำเลยในข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน”
พิพากษายืน