คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 847/2547

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ขณะถูกจับกุมจำเลยเพียงแต่นำเมทแอมเฟตามีนของกลางไปยังสถานที่นัดหมายเพื่อส่งให้ บ. ผู้ซื้อ โดยที่ยังมิได้ส่งมอบแต่อย่างใด การซื้อขายเมทแอมเฟตามีนของกลางระหว่างจำเลยกับ บ. จึงยังไม่สำเร็จบริบูรณ์ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานพยายามจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนเท่านั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 67, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 91 ริบเมทแอมเฟตามีน และโทรศัพท์มือถือของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย แต่ให้การปฏิเสธข้อหาจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหนึ่ง จำคุก 24 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 12 ปี ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง คำขออื่นให้ยก
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย จำคุก 30 ปี ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง จำคุก 15 ปี จำเลยมีความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย จำคุก 20 ปี จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสาม จำคุก 13 ปี 4 เดือน รวมโทษทั้งสองกระทงแล้ว จำคุก 28 ปี 4 เดือน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยกระทำความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำนวน 900 เม็ด ตามฟ้อง กระทงหลังเป็นความผิดสำเร็จแล้วหรือไม่ ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาจำต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 222 ทั้งนี้ โดยศาลอุทธรณ์ภาค 1 ฟังข้อเท็จจริงว่า วันเกิดเหตุนางบุษบา เดชบาล เป็นผู้ติดต่อขอซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลย และนัดให้จำเลยนำเมทแอมเฟตามีนไปส่งที่ทาวน์เฮ้าส์ที่เกิดเหตุ ต่อมาจำเลยนำเมทแอมเฟตามีนจำนวน 900 เม็ด ของกลางไปยังสถานที่นัดหมายเพื่อส่งให้นางบุษบาตามที่ตกลงกันไว้ แต่ยังไม่ทันได้ส่งมอบ จำเลยก็ถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมเสียก่อน ซึ่งจำเลยฎีกาทำนองว่า ไม่มีการซื้อขายเมทแอมเฟตามีน เพราะไม่มีการตกลงราคาและไม่มีการชำระเงิน ทั้งยังไม่มีการส่งมอบเมทแอมเฟตามีนให้แก่ผู้ซื้อ ศาลฎีกาเห็นว่า ขณะถูกจับกุมจำเลยเพียงแต่นำเมทแอมเฟตามีนของกลางไปยังสถานที่นัดหมายเพื่อส่งให้นางบุษบาผู้ซื้อ โดยที่ยังมิได้ส่งมอบแต่อย่างใด การซื้อขายเมทแอมเฟตามีนของกลางระหว่างจำเลยกับนางบุษบาจึงยังไม่สำเร็จบริบูรณ์ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานพยายามจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำนวน 900 เม็ด เท่านั้น ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยว่า การซื้อขายดังกล่าวเกิดขึ้นสมบูรณ์ เป็นความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนสำเร็จตามกฎหมายแล้ว จึงไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังขึ้นบางส่วน
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการสุดท้ายว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายหนักเกินไปหรือไม่ เห็นว่า เมทแอมเฟตามีนเป็นยาเสพติดให้โทษชนิดร้ายแรงเป็นภัยแก่ประชาชนและสังคมทั่วไป จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเป็นจำนวนมากถึง 1,900 เม็ด คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 31.569 กรัม ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 กำหนดโทษจำเลยในความผิดฐานนี้ให้จำคุก 30 ปี ก่อนลดโทษนั้นเหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง ในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายนั้น แม้ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา จะได้มีพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2545 มาตรา 8 และมาตรา 19 ยกเลิกความในมาตรา 15 และมาตรา 66 แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 และให้ใช้ข้อความใหม่แทน แต่กฎหมายที่แก้ไขใหม่ไม่เป็นคุณแก่จำเลย จึงต้องใช้กฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิดบังคับแก่จำเลย ส่วนความผิดฐานจำหน่ายแอมเฟตามีนนั้น ทั้งกฎหมายเดิมและกฎหมายที่แก้ไขใหม่ในมาตรา 15 วรรคหนึ่ง คงใช้ข้อความทำนองเดียวกันและมิได้เปลี่ยนแปลงองค์ประกอบความผิดจึงต้องใช้กฎหมายเดิมบังคับแก่จำเลย ส่วนกำหนดโทษนั้น เมทแอมเฟตามีนของกลางที่จำเลยพยายามจำหน่ายไม่ปรากฏว่ามีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้เท่าใด จึงเป็นความผิดตามมาตรา 66 วรรคหนึ่ง กรณีโทษจำคุกตามกฎหมายที่แก้ไขใหม่เป็นคุณแก่จำเลยมากกว่า จึงต้องใช้กฎหมายที่แก้ไขใหม่ในส่วนที่เป็นคุณบังคับแก่จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาจึงมีอำนาจยกขึ้นอ้าง และแก้ไขโดยปรับบทกฎหมายให้ถูกต้อง รวมทั้งกำหนดโทษในความผิดฐานนี้เสียใหม่ให้เหมาะสมสอดคล้องกับบทกฎหมายที่แก้ไขใหม่ได้ด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225”
พิพากษาแก้เป็นว่า สำหรับความผิดฐานพยายามจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง (เดิม), 66 วรรคหนึ่ง (ที่แก้ไขใหม่) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80 จำคุก 10 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงจำคุก 6 ปี 8 เดือน เมื่อรวมกับโทษในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายแล้วเป็นจำคุก 21 ปี 8 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1

Share