คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5829/2550

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

จำเลยทั้งสองว่าจ้างห้างหุ้นส่วนจำกัด ส. ก่อสร้างถนน และระบบระบายน้ำในโครงการหมู่บ้าน ห้างหุ้นส่วนจำกัด ส. ได้ซื้อเชื่อวัสดุก่อสร้างและรับเงินยืมทดรองจ่ายไปจากโจทก์เพื่อนำไปใช้ในการก่อสร้าง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 778,240 บาท ห้างหุ้นส่วนจำกัด ส. จึงได้โอนสิทธิเรียกร้องในการรับเงินค่าก่อสร้างมูลค่า 800,000 บาท ให้แก่โจทก์ เพื่อเป็นการชำระหนี้ค่าวัสดุก่อสร้างและเงินยืมทดรองจ่ายที่ค้างชำระแก่โจทก์ โจทก์ได้แจ้งการโอนสิทธิเรียกร้องไปยังจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ได้มีหนังสือตอบรับการโอนสิทธิเรียกร้องแล้ว ห้างหุ้นส่วนจำกัด ส. ผู้โอนย่อมหมดสิทธิที่จะรับเงินตามสัญญาจ้างทันที จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นลูกหนี้มีหน้าที่ต้องชำระหนี้ให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้โดยตรง ห้างหุ้นส่วนจำกัด ส. ไม่มีสิทธิจะมาระงับไม่ให้จำเลยทั้งสองจ่ายเงินให้โจทก์ โจทก์ชอบที่จะได้รับชำระหนี้จากจำเลยทั้งสองโดยตรง การที่จำเลยทั้งสองบอกปัดความับผิดโดยอ้างว่าห้างหุ้นส่วนจำกัด ส. มีหนังสือไปถึงจำเลยทั้งสองให้ระงับการจ่ายเงินไว้ก่อนอันเป็นเหตุให้โจทก์ไม่อาจรับเงินตามที่โจทก์มีสิทธิที่จะรับได้ ถือว่าจำเลยทั้งสองได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์แล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 813,315.07 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงินจำนวน 800,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องและเอกสารท้ายฟ้องแล้วเห็นว่า โจทก์ไม่ได้รับความเสียหายและเป็นกรณีโจทก์ไม่มีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับสิทธิหรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้สิทธิทางศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 พิพากษาให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองว่าจ้างห้างหุ้นส่วนจำกัดสี่แควการโยธาก่อสร้างถนน และระบบระบายน้ำในโครงการหมู่บ้านเพื่อการท่องเที่ยว ห้างหุ้นส่วนจำกัดสี่แควการโยธาได้ซื้อเชื่อวัสดุก่อสร้างและรับเงินยืมทดรองจ่ายไปจากโจทก์เพื่อนำไปใช้ในการก่อสร้าง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 778,240 บาท ห้างหุ้นส่วนจำกัดสี่แควการโยธาจึงได้โอนสิทธิเรียกร้องในการรับเงินค่าก่อสร้างงวดที่ 1 มูลค่า 800,000 บาท ให้แก่โจทก์ โจทก์ได้แจ้งการโอนสิทธิเรียกร้องดังกล่าวให้จำเลยที่ 2 ทราบเป็นหนังสือ จำเลยที่ 2 ได้มีหนังสือตอบรับการโอนสิทธิเรียกร้องนั้นแล้ว เห็นว่า การที่ห้างหุ้นส่วนจำกัดที่แควการโยธาโอนสิทธิเรียกร้องให้โจทก์รับเงินงวดค่าก่อสร้าง เพื่อเป็นการชำระหนี้ค่าวัสดุก่อสร้างและเงินยืมทดรองจ่ายที่ห้างฯ ดังกล่าวค้างชำระแก่โจทก์ โจทก์ได้แจ้งการโอนสิทธิเรียกร้องไปยังจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ได้มีหนังสือตอบรับการโอนสิทธิเรียกร้องนั้นแล้ว เช่นนั้น ห้างหุ้นส่วนจำกัดสี่แควการโยธาผู้โอนย่อมหมดสิทธิที่จะรับเงินตามสัญญาจ้างทันที จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นลูกหนี้มีหน้าที่ต้องชำระหนี้ให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้โดยตรง ห้างหุ้นส่วนจำกัดสี่แควการโยธาไม่มีสิทธิจะมาระงับไม่ให้จำเลยทั้งสองจ่ายเงินให้โจทก์ โจทก์ชอบที่จะได้รับชำระหนี้จากจำเลยทั้งสองโดยตรง จำเลยทั้งสองไม่อาจบอกปัดความรับผิดโดยอ้างว่าห้างหุ้นส่วนจำกัดสี่แควการโยธามีหนังสือไปถึงจำเลยทั้งสองให้ระงับการจ่ายเงินไว้ก่อนอันเป็นเหตุให้โจทก์ไม่อาจรับเงินตามที่โจทก์มีสิทธิที่จะรับได้ ถือว่าจำเลยทั้งสองได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์แล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาในชั้นตรวจคำฟ้องโดยให้ยกฟ้องโจทก์นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น
อนึ่ง โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองให้ร่วมกันชำระเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยผิดนัดจำนวน 813,315.07 บาท คดีนี้จึงมีทุนทรัพย์จำนวนดังกล่าวซึ่งต้องเสียค่าขึ้นศาล (ในศาลชั้นต้น) จำนวน 20,332.50 บาท แต่โจทก์เสียมาเพียง 20,332 บาท จึงขาดไป 50 สตางค์ จึงเห็นควรให้โจทก์ชำระค่าขึ้นศาลให้ครบถ้วนด้วย”
พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์ชำระค่าขึ้นศาลให้ครบถ้วนภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด หากโจทก์ชำระแล้วให้รับฟ้องไว้พิจารณาพิพากษาตามรูปคดีต่อไป

Share